.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนในสารบบ และพลิกตำราแทบไม่ทัน ประเทศไทยกำลังจะเทขายข้าวในราคาถูกๆ เพื่อระบายข้าวที่เก็บสต๊อกเอาไว้ปริมาณมหาศาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้รัฐบาลไทยเป็นหนี้มหาศาลเช่นกัน การระบายข้าวของไทยกำลังจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อตลาดข้าวโลก รวมทั้งการส่งออกข้าวของเวียดนามในปีนี้ด้วย
สมาคมอาหารเวียดนาม (Vietnam Food Association) หรือ VietFood กล่าวในคำแถลงที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ว่า เรื่องนี้กำลังจะเกิดขึ้น และกำลังเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด และหากรัฐบาลไทยเทขายข้าวในราคาต่ำก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า นโยบายรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลชุดปัจจุบันประสบความล้มเหลว
“ด้วยปริมาณในสต๊อกที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ไทยจะต้องนำข้าวออกเทขาย แต่จะเป็นเมื่อไรและขายในราคาเท่าไร เรากำลังเฝ้าดูอยู่” สมาคมอาหารฯ ระบุในคำแถลง ซึ่งเชื่อว่ามีความเป็นได้สูงที่ไทยจะต้องหั่นราคาข้าวลงอย่างมากมาย เพื่อระบายออกจากสต๊อกที่มีไม่ต่ำว่า 17 ล้านตันในขณะนี้
สมาคมอาหารฯ ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งรัฐบาลกึ่งเอกชนกำกับดูแลการซื้อข้าว และการส่งออกข้าวของประเทศกล่าวว่า รัฐบาลไทยอาจจะต้องหั่นราคาข้าวลงมากมาย เนื่องจากสภาพปัจจุบันในตลาดโลกที่อุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ หรือตลาดความต้องการน้อย แต่มีข้าวส่งออกอย่างมากมาย
“การหั่นราคาข้าวของไทยจะส่งผลกระทบต่อบรรดาประเทศส่งออกข้าวทั้งมวล รวมทั้งเวียดนามด้วย” คำแถลงของ VietFood ระบุ
อย่างไรก็ตาม นายเจืองแทงฟอง (Trương Thanh Phong) ประธานสมาคมฯ ให้ความเห็นว่า ไทยคงไม่สามารถลดราคาข้าวลงได้เท่ากับราคาข้าวที่เวียดนามขายอยู่ในปัจจุบัน เพราะว่า “ไทยจะขาดดุลงบประมาณ และเผชิญกับการโจมตีของพรรคฝ่ายค้านหากกระทำการเช่นนั้น” หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋รายงานในเว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนาม
ปัจจุบัน เวียดนามจำหน่ายข้าวผสมเมล็ดหัก 5% ในราคา 410 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ข้าวชนิดเดียวกันคุณภาพเดียวกันของไทยขายในราคา 560 ดอลลาร์ต่อตัน ต่างกันตันละ 150 ดอลลาร์ ทำให้ไทยไม่อาจลดราคาลงได้มากขนาดนั้น เพราะจะทำให้ขาดทุนมหาศาลยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งหมายความว่า “รัฐบาลไทยได้ยอมรับว่า นโยบายรับจำนำข้าวที่ใช้อยู่นี้ล้มเหลว”
แต่ผู้เชี่ยวชาญในวงการข้าวบางรายมีความเห็นว่า ไทยอาจจะจำหน่ายข้าวผ่านช่องทางรัฐบาลต่อรัฐบาลได้ ถ้าหากไทยลดราคาลงให้สมเหตุสมผล ซึ่งจะทำให้บางประเทศหันไปซื้อข้าวไทยแทนข้าวเวียดนาม
ระยะที่ผ่านมา สมาคมอาหารเวียดนามได้ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวด้านนโยบายข้าวของไทยอย่างใกล้ชิด ผ่านสื่อต่างๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายบกรัฐมนตรีออกให้สัมภาษณ์ไม่นานมานี้ว่า รัฐบาลจะต้องแบกรับภาระขาดทุนในการจำหน่ายข้าวออกจากสต๊อก
หลังจากได้ใช้นโยบายรับจำนำข้าวจากชาวนา “ทุกเมล็ด” ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้รัฐบาลไทยเป็นหนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ถึง 476,890 ล้านบาท
รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบของไทยเคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า จะไม่ยอมเทข้าวในสต๊อกออกขายจนกว่าราคาในตลาดโลกจะพุ่งขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นจากการที่ไทยไม่ยอมระบายข้าวออกสู่ตลาดนั่นเอง
แต่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของไทยกล่าวว่า ถึงเวลาที่สมควรจะต้องนำข้าวออกขายแล้ว เนื่องจากมีข้าวออกสู่ตลาดน้อยลงอันเป็นผลจากการเกิดภัยแห้งแล้งในประเทศที่ปลูกข้าวจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าสงสัย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง ที่เคยเป็น รมว.พาณิชย์ของไทย เคยกล่าวเอาไว้ในรัฐสภาว่า ถึงเวลาที่จะต้องทำให้ข้าวไทยเป็น “สิ่งที่มีค่า” ผู้บริโภคจะต้องยอมจ่ายแพงขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้า “ระดับพรีเมียม”
มรว.ปริดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีต รมว.คลัง และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ประมาณการว่า รัฐบาลไทยเป็นหนี้ราว 140,000 ล้านบาท ในการรับจำนำข้าวฤดูทำนาปี 2554-2555 และคาดว่าจะขาดทุนอีก 210,000 ล้านบาท ในปีการผลิต 2555-2556
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ไทยกำลังพิจารณาขายข้าวราว 7 ล้านตันให้แก่หลายประเทศ รวมทั้งจีน ในราคาที่ไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจาก “เป็นเรื่องล่อแหลม และเป็นความลับ” ทั้งนี้ เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์.
.