ปชป.บี้ “บุญทรง” แจงขายข้าวจีทูจี เชื่อทุจริต ระบายไม่ได้จริง

“ชวนนท์” บี้ “บุญทรง” แจงระบายข้าวจีทูจี หลังเคยสัญญาแถลงต่อสาธารณะ 21 ธ.ค.แต่เงียบ ระบุจงใจปกปิดข้อมูลเหตุระบายข้าวไม่ได้จริง ต้นตอทุจริต ห่วงจำนำข้าวทำ ธ.ก.ส.ขาดสภาพคล่อง ยัน ปชป.เกาะติดไม่ปล่อยเรื่องเงียบ เย้ยไทยเป็นประเทศเดียวในโลกหลังร้านถูกใจถูกฆ่าจากนโยบายค่าแรง 300 จนทำให้อยู่ไม่ได้ต้องปิดตัว มี.ค.นี้ จวกใช้งบ 1,300 ล้านตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ขาดการประเมินความคุ้มทุน

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการจำนำข้าวกรณีการขายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักและตั้งข้อสงสัยว่าการระบายข้าวมีจริงหรือไม่ หรือเป็นการระบายแบบจีทูเจี๊ยะ หรือโกสต์ทูโกสต์ คือผีต่อผี แต่กระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่ามีการระบายจริงและสั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 55 โดยให้ตรวจสอบย้อนหลัง 3 ปีให้เสร็จภายใน 15 วัน ซึ่งขณะนี้ล่วงเลยมาถึงวันที่ 19 ก.พ. 56 แล้ว เท่ากับใช้เวลาล่วงเลยมากว่า 2 เดือนครึ่ง แต่กระทรวงพาณิชย์ไม่มีการรายงานผลต่อสาธารณะ ขณะที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ระบุในวันที่ 19 ธ.ค. 55 ว่าข้อมูลเกือบเรียบร้อยแล้วอย่างช้าวันที่ 21 ธ.ค. 55 จะมีการแถลงข่าว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่การชี้แจงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

นายชวนนท์กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์จงใจที่จะปกปิดข้อมูล และถึงวันนี้ตัวเลขการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐไม่มีการเสนอต่อสาธารณะเลยแม้แต่ตันเดียว ตนรับไม่ได้ที่รัฐบาลจะทำให้เรื่องนี้หายไปกับสายลม หวังให้หายไปกับประเด็นทางการเมืองหรือการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จึงขอเรียกร้องให้นายบุญทรงออกมาชี้แจง เพราะพรรคจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป และขอตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่เปิดเผยไม่ได้เพราะไม่มีการขายข้าวจริง จนทำให้ ธ.ก.ส.ได้รับผลกระทบเรื่องสภาพคล่องในการนำเงินมาใช้จ่ายโครงการรับจำนำข้าวที่ต้องใช้เงินถึง 4.1 แสนล้านบาท ทำให้สภาพคล่องของ ธ.ก.ส.ไม่เพียงพอที่จะรับภาระ อีกทั้งไม่สามารถขอกู้เพิ่มเติมได้ เนื่องจากวางเงินค้ำประกันของกระทรวงการคลังไม่สามารถกู้เพิ่มเติมให้กับ ธ.ก.ส.ได้ จนมีปัญหาว่าจะหาเงินที่ไหนมารับจำนำข้าว ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่นำเงินส่งคืนให้ ธ.ก.ส. เป็นหลักฐานยืนยันว่าเรื่องนี้มีการทุจริต เวียนเทียนข้าวไปขาย มีการโกงภาษีประชาชน นายบุญทรงจะอมพะนำเงียบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำลายอนาคตข้าวไทย จึงเรียกร้องให้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการระบายข้าวทั้งหมด

ส่วนกรณีร้านถูกใจที่นายบุญทรงภูมิใจว่าสามารถบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนเรื่องค่าครองชีพได้นั้น นายชวนนท์กล่าวว่า ร้านถูกใจกำลังจะกลายเป็นตำนาน เพราะต้องปิดตัวลงในเดือนมีนาคม 2556 เนื่องจากรัฐบาลไม่สนับสนุนงบประมาณให้ร้านค้า แต่จะโยนภาระให้เอกชนเข้ามารับช่วงต่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่เอกชนจะเข้ามารับช่วงเพื่อหาสินค้าราคาถูกมาจำหน่าย และเห็นว่าโครงการนี้เป็นตัวอย่างการใช้งบประมาณแบบไม่คุ้มค่า แก้ปัญหาแบบไร้หลักการ ทำงานแบบผักชีโรยหน้า ทำให้งบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาทกลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำโดยไม่มีการประเมินผลความคุ้มทุน

“ที่น่าสนใจคือ นโยบายรัฐบาลค่าแรง 300 บาท ทำให้ร้านถูกใจไม่สามารถประคองตัวเองให้เดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากไม่สามารถแบกรับค่าแรงที่ต้องจ่ายกับลูกจ้างได้ ทำให้ต้องปิดตัวลงไป ถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดไม่เคยเกิดในประเทศอื่นนอกจากประเทศไทย ที่โครงการรัฐบาลถูกทำร้ายโดยโครงการของรัฐบาลเอง และรัฐบาลยังมีโครงการใหม่ออกมาฆ่านโยบายเดิมของตัวเองด้วย แสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบในอนาคตส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวมอย่างชัดเจน โดยในปัจจุบันมีร้านถูกใจทั่วประเทศเกือบ 7 พันราย”