เอเอฟพี - สถิติอย่างเป็นทางการเปิดเผยวานนี้ (24 ธ.ค.) ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 2555 ชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 13 ปี ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้แก่บรรดาผู้ปกครองประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวที่ร้อยละ 5.03 ในปี 2555 ตามการรายงานของสำนักงานใหญ่สถิติ (GSO) ไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 5.2 ซึ่งลดลงจากการประมาณการก่อนหน้านี้
ในปี 2554 เศรษฐกิจของเวียดนามขยายตัวที่ร้อยละ 5.9
“การเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่การถดถอย แต่ตัวเลขอยู่ในระดับต่ำเกินไป และการเติบโตจะไม่สดใสมากนักในช่วงต้นปี 2556” นายหวู ดิงห์ แอ็งห์ รองผู้อำนวยการสถาบันเศรษฐกิจและการคลังกล่าว
ในเวลานี้ มีกระแสท่าทีความไม่พอใจของสาธารณชนเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์
ในเดือน ต.ค. พรรคคอมมิวนิสต์ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง ได้ยอมรับความถึงความผิดพลาดในการควบคุมดูแลเศรษฐกิจของประเทศ
เวียดนามเผชิญกับความวิตกกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หนี้ธนาคาร การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ลดลง และเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับกิจการของรัฐ เช่น บริษัทเดินเรือวีนาชิน เป็นต้น
ในความพยายามที่จะกระตุ้นบริษัทต่างๆ ธนาคารกลางเวีดนามได้ประกาศในวันจันทร์ ปรับลดดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่ 6 ในรอบปี
ธนาคารกลางเวียดนามได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ปล่อยกู้ให้แก่ธนาคารพาณิชย์จากร้อยละ 10 เหลือร้อยละ 9 ส่วนอัตราดอกเบี้ยคิดลดลงจากร้อยละ 8 เหลือร้อยละ 7
ธนาคารกลางเวียดนามขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเมื่อปีก่อน เพื่อควบคุมไม่ให้เศรษฐกิจขยายตัวร้อนแรงเกินไป และไม่ให้เงินเฟ้อเกินตัวเลข 2 หลัก แต่หลังจากนั้น เศรษฐกิจชะลอการขยายตัว จึงต้องกลับมาใช้นโยบายกระตุ้นทางการเงินอีกครั้ง
รายงานของ GSO ระบุว่า เศรษฐกิจเวียดนามมีท่าทีของการปรับขึ้นเล็กน้อยก่อนสิ้นปี 2555 โดย GDP ขยายตัวที่ร้อยละ 5.44 ในช่วงไตรมาสสุดท้าย เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.05 ในไตรมาสที่ 3 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวที่ร้อยละ 6.8 ในเดือน ธ.ค. เทียบปีต่อปี จากร้อยละ 7.08 ในเดือน พ.ย.
นอกจากนั้น เวียดนามยังได้ดุลการค้าในปี 2555 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2536 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 284 ล้านดอลลาร์ แต่เป็นเพราะเศรษฐกิจภายในประเทศอ่อนแอ
“เหตุผลหลักสำหรับการได้ดุลการค้าในปีนี้คือ การชะลอตัวลงของการผลิตและบริโภคภายในประเทศ ดังนั้น การนำเข้าจึงชะลอตัวมากกว่าการส่งออก” เจ้าหน้าที่เวียดนาม กล่าว.