.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เวียดนามกำลังจะต้องมองหาฝูงบินใหม่อีกหลายฝูงในระยะ 5-10 ปีนี้ เพื่อนำเข้าประจำการแทนที่ซู-22 กับ มิก-21 ที่ใช้งานมานาน 30 ปี และเครื่องบินรบที่อยู่ในสายคงจะหนีไม่พ้น Su-34 ที่ผลิตในรัสเซียกับ JAS-39 Gripen แห่งสวีเดนแบบเดียวกับที่ประจำการในกองทัพอากาศไทย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันทางอากาศในยุโรปได้วิเคราะห์เรื่องนี้ ในนิตยสาร Air Force รายเดือนฉบับประจำเดือน พ.ย.2555 ที่ออกวางจำหน่ายในสัปดาห์นี้
บทวิเคราะห์ชี้ว่า เวียดนามมองเห็นภัยข่มขู่ที่ใหญ่หลวงซึ่งจะไปจากทางทะเลมากกว่าทางบก จำเป็นจะต้องมีเครื่องบินรบทันสมัยที่มีขีดความสามารถทั้งในด้านการบินตรวจการณ์ การป้องกัน และโจมตี ซึ่งปัจจุบันมี ซู-30 ที่สามารถปฏิบัติการได้ในระยะไกล และในทุกสภาพภูมิอากาศเป็นเครื่องบินรบทันสมัยที่สุด
เวียดนามมีแผนการจัดซื้อ Su-30 จำนวนหลายสิบลำ แต่ก็ยังไม่พอสำหรับป้องกันน่านน้ำที่มีชายฝั่งทะเลยาว 3,000 กิโลเมตร
ขณะเดียวกัน ฝูงบิน Su-22 ที่มีอยู่หลายสิบลำก็ใช้งานมานาน และอาวุธที่ติดได้ก็เป็นจรวดนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-27 ที่เก่าแก่ใช้มา 3 ทศวรรษเช่นกัน ขณะที่ Su-30 ติดตั้งทั้ง Kh-29 และ Kh-31 ที่ใหม่ และทันสมัยกว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่าในการยิงทำลายเรือรบข้าศึกจากระยะไกล
ปัจจุบัน ทั้งกองทัพเรือ และกองทัพอากาศเวียดนามต่างเร่งจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพื่อป้องกันน่านน้ำให้ปลอดภัยจากการรุกราน หรือการข่มขู่โดยฝ่ายตรงข้าม และยังต้องการจำนวนมากกว่าที่มีอยู่ เครื่องบินรบรุ่นใหม่ที่เป็นไปได้ที่จะใช้แทน Su22 ก็คือ Su-34 ที่รัสเซียจะส่งออกในปี 2558 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์ชี้ว่า จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อมูลว่าเวียดนามได้เจรจาขอซื้อ Su-34 หรือยัง
ในขณะที่ต้องการเครื่องบินปฏิบัติการระยะไกลประสิทธิภาพสูงเพื่อใช้แทน Su-22 เวียดนามก็จะต้องมองหาเครื่องบินรบประสิทธิภาพสูงปฏิบัติการระยะใกล้แทนฝูงบินมิก-21 ซึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้ก็คือ JAS-39 กริพเพน ซึ่งรุ่นใหม่ที่จะออกมาในระยะ 5 ปีข้างหน้า บทวิเคราะห์เดียวกันระบุ
ปัจจุบัน เวียดนามมีระบบขีปนาวุธป้องกันชายฝั่งที่ทันสมัยแบบ S-300 PMU1 ข้อมูลการข่าวด้านกลาโหมระบุว่า ปัจจุบันมีประจำการ 2 ชุด และกำลังจัดซื้ออีก 2 ชุด
เวียดนามมีระบบเรดาร์ทันสมัย และมีระบบต่อสู้อากาศยานภาคพื้นดินที่ทันสมัยและใหญ่โต ซึ่งรวมทั้งปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานขนาดต่างๆ จรวดนำวิถีต่อสู้อากาศยานหลายพันชุด กับจรวดต่อสู้อากาศยานชนิดประทับไหล่ “อิกลา-เอส” (Igla S) อีกราว 3,200 ลูก
รัสเซียจะผลิต Su-34 ออกมาอีกรุ่นหนึ่งเพื่อทำสงครามทางทะเลโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับ Su-30MK2V ล็อตใหม่ที่เวียดนามสั่งติดระบบเรดาร์ และระบบอาวุธต่อสู้เรือรบโดยเฉพาะ เครื่องบินรบเพื่อการนี้ในอนาคตอันใกล้จึงไม่น่าจะพ้นไปจาก Su-34 ในขณะที่ JAS-39 เป็นเครื่องบินรบที่เบากว่า คล่องตัวกว่า ประสิทธิภาพสูง และคุ้มค่าคุ้มราคา จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับภารกิจป้องกันระยะใกล้
ภัยข่มขู่ทางทะเลทำให้เวียดนามต้องจัดหาเรือรบรุ่นใหม่ๆ ทันสมัยไว้ใช้งาน รวมทั้งเรือรบ เรือตรวจการณ์ และเครื่องบินตรวจการณ์ชายฝั่ง (กองทัพเรือเวียดนามเพิ่งทำพิธีนำเข้าประจำการเรือตรวจการณ์ใหม่ 2 ลำ ในวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งสองลำต่อจากรัสเซีย และประจำกองเรือภาค 1 นครหายฝ่อง -- บก.)
นอกจากนั้น เวียดนามยังจะต้องมีระบบสอดแนม และเตือนภัยทางอากาศล่วงหน้า AWACS หรือ Erieye แบบเดียวกับที่มีใช้ในกองทัพอากาศไทยเช่นกัน โดยเวียดนามกำลังพิจารณาจัดซื้อจำนวน 2 ลำ บทวิเคราะห์กล่าว.
.
2
3
4