เอเอฟพี - นางอองซานซูจี กล่าวสนับสนุนการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อพม่า วานนี้ (18 ก.ย.) ในพิธีมอบรางวัลโกลบอลวิชันของสมาคมเอเชียที่สถาบันสันติภาพของสหรัฐฯ และรับรองจีนว่าการเยือนสหรัฐฯ ครั้งประวัติศาสตร์นี้ไม่ได้มีเจตนามุ่งหมายที่จะยับยั้งอิทธิพลของจีนแต่อย่างใด
นางอองซานซูจี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่ถูกกักบริเวณในบ้านพักนาน 15 ปี ได้กล่าวขอบคุณต่อสหรัฐฯ สำหรับการสนับสนุนมาเป็นเวลาหลายปี และระบุว่า พม่าต้องสร้างประชาธิปไตยของตัวเอง
“ฉันไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องยึดติดอยู่กับมาตรการคว่ำบาตร เพราะเราต้องการให้ประชาชนของเรารับผิดชอบต่อชะตาชีวิตของตัวเอง ไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยขับเคลื่อนจากภายนอกมากนัก ในท้ายที่สุด เราต้องสร้างประชาธิปไตยของเราเอง” นางซูจี ระบุในการกล่าวสุนทรพจน์อย่างระมัดระวังที่จะไม่สร้างความไม่พอใจต่อบรรดาผู้นำ หลังจากที่ก่อนนี้ ผู้นำฝ่ายค้านของพม่าสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจมาอย่างยาวนานเพื่อกดดันอดีตรัฐบาลทหารที่สลายตัวลงเมื่อปีก่อน
สหรัฐฯ ได้ผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบางประการ ในเดือน ก.ค. อนุญาตให้บริษัทของสหรัฐฯ เข้าลงทุนในพม่า ซึ่งก่อนหน้านี้ ซูจีแสดงความกังวลใจเกี่ยวกับการทำธุรกิจร่วมกับบริษัทน้ำมัน และก๊าซของรัฐ
“ยังมีอีกหลายหนทางที่สหรัฐฯ สามารถช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายประชาธิปไตยและช่วยสร้างสถาบันประชาธิปไตยที่เราต้องการ ซึ่งการคว่ำบาตรไม่ได้เป็นเพียงแค่หนทางเดียวเท่านั้น เราได้ผ่านพ้นอุปสรรคแรก แต่ยังคงมีอุปสรรคอีกมากที่เราจะต้องก้าวข้ามไป” ซูจี ระบุ
ด้านผู้สังเกตการณ์สหรัฐฯ หลายคนเชื่อว่า เต็งเส่งดำเนินการปฏิรูปโดยไม่กังวลถึงการมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ และการเมืองของจีนในพม่า และความสนใจของสหรัฐฯ ต่อพม่ามองว่าเป็นการสกัดการแผ่อิทธิพลของจีนด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งซูจีกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างระมัดระวังว่า ความสัมพันธ์ที่อบอุ่นของพม่ากับสหรัฐฯ นั้นไม่ควรถูกมองว่าเป็นขั้นตอนการเป็นปฏิปักษ์ต่อจีน และว่า ความสัมพันธ์ฉันมิตรกับทั้งสหรัฐฯ และจีนล้วนเป็นประโยชน์ต่อประเทศ
ซูจีเริ่มการเยือนสหรัฐฯ ด้วยการพบปะกับนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งนางคลินตันกล่าวว่า เป็นสิ่งที่วิเศษอย่างมากที่เห็นนางซูจีในกรุงวอชิงตัน ขณะเดียวกัน ได้กล่าวเตือนว่า พม่ายังคงมีงานอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการปล่อยนักโทษการเมืองที่ยังถูกควบคุมตัว และยุติข้อกล่าวหาการติดต่อกับเกาหลีเหนือ
“รัฐบาล และฝ่ายค้านจำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว รักษาบาดแผลในอดีต และเดินหน้าปฏิรูป” นางคลินตัน กล่าว
นางคลินตันยังเรียกร้องให้พม่าจัดการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดในรัฐยะไข่ ที่เกิดเหตุความไม่สงบระหว่างชาวพุทธและมุสลิมโรฮิงญา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน และไร้ที่อยู่อีกหลายหมื่นคน.