.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ระบบเรดาร์เวียดนามสามารถจับเครื่องบิน J-20 ที่ใช้เทคโนโลยี “ล่องหน” ของจีนได้ชัดเจน ซึ่งทำให้เวียดนามขอซื้อระบบที่ทันสมัยนี้จากประเทศเบลารุสอีก 20 ชุด และหลังจากทดสอบประสิทธิภาพแล้วยังพบว่า มีสมรรถนะสูงกว่าเรดาร์ที่ผลิตในรัสเซียอีกด้วย สื่อออนไลน์ภาษาเวียดนามอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางทหาร
เรดาร์เวียดนามที่สามารถจับความเคลื่อนไหวของเครื่องบิน “สเตลธ์” จีนได้ อยู่ในระบบป้องกันทางอากาศ RV-01/Vostock-E เวอร์ชันเก่าของเบลารุส ที่ซื้อเข้าประจำการเมื่อปี 2548
ระบบที่เวียดนามใช้อยู่นี้ เป็นเวอร์ชันที่ใหม่กว่า และดีกว่าชุดต้นแบบของระบบ ที่กองทัพยูโกสลาเวียใช้จับเครื่องบินล่องหน F-117A “ไนต์ฮอว์ก” (Nighthawk) กองทัพอากาศสหรัฐฯ ในสงครามแคว้นโคโซโว และยิงตกในเดือน มี.ค.2542 ให้เป็นที่ฮือฮา
สหรัฐฯ แจ้งต่อสาธารณชนว่า F-117A เป็นเครื่องบินเทคโนโลยีสเตลธ์ล้ำยุคที่เรดาร์ไม่สามารถมองเห็น และสหรัฐฯ อาจจะลืมไปว่า กองทัพยูโกสลาเวียมีระบบเรดาร์กับระบบขีปนาวุธทันสมัยอื่นๆ ของอดีตสหภาพโซเวียต และค่ายยุโรปตะวันออกประจำการอยู่ครบ
เว็บไซต์กลาโหมฮว่านเกิ่ว (Hoàn Cầu) รายงานการตรวจจับความเคลื่อนไหวเครื่องบินรบยุคที่ 5 ของจีนในวันเสาร์ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่า การตรวจจับมีขึ้นเมื่อไร และอย่างไร แต่กล่าวว่า ในเดือนนี้เวียดนามได้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหญ่ไปยังเบลารุส เพื่อศึกษาระบบป้องกัน RV-01/Vostock-E รุ่นใหม่ที่เพิ่งสั่งซื้อ
เว็บไซต์แห่งนี้อ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า ระบบเรดาร์รุ่นใหม่จะทำให้กองทัพอากาศเวียดนามสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวของอากาศยาน “ครอบคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ยและไกลออกไป” เช่นเดียวกับทั่วทั้งอาณาบริเวณ “ทะเลตะวันออก” ทำให้มีเวลามากยิ่งขึ้นสำหรับการป้องกันเขตน่านน้ำแดนดินของตน
เว็บไซต์ Russian Military Review ได้รายงานก่อนหน้านี้ว่า เวียดนามกับเบลารุสได้เจรจาในรายละเอียดเกี่ยวกับระบบเรดาร์ที่ซื้อขายกันครั้งใหม่เมื่อไม่นาน หลังจากเวียดนามสั่งซื้อล็อตแรกในปี 2548 และนำเข้าติดตั้งในโครงข่ายการป้องกันทางอากาศมาตั้งแต่นั้น
การเจรจาซื้อขายครั้งใหม่ยังรวมถึงชิ้นส่วน เพื่อนำไปอัปเกรดระบบเรดาร์ที่ซื้อล็อตแรกด้วย เว็บไซต์เดียวกันกล่าว
คณะทหารจากกองทัพประชาชนเวียดนามกำลังศึกษาระบบเรดาร์ใหม่อยู่ที่เมืองมินสต์ (Minsk) ของเบลารุสในขณะนี้ เว็บไซต์แห่งเดียวกันระบุ
.
2
3
นักวิเคราะห์กล่าวกับ Russian Military Review ว่า เวียดนามซื้อระบบเรดาร์ RV-01/Vostock-E รุ่นใหม่ก็เพื่อรับมือเครื่องบินรบยุคที่ 5 คือ J-20 ของจีนโดยเฉพาะ และยังสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายป้องกันที่ใช้่อยู่ในปัจจุบันได้
ในครั้งสงครามแคว้นโคโซโว ระบบเรดาร์ที่ผลิตในเบลารุส ตรวจจับเครื่องบินโจมตีทิ้งระเบิด F-117A ของสหรัฐฯ ได้ ขณะบินในความสูง 10 กิโลเมตร และในระยะห่างออกไปถึง 72 กม. กองพันขีปนาวุธที่ 3 ในสังกัดกองพลขีปนาวุธที่ 250 ของยูโกสลาเวียได้ใช้จรวดต่อสู้อากาศยาน SA-3 “Goa” ของอดีตสหภาพโซเวียตยิงตกในวันที่ 27 มี.ค.2542
เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นจากระบบของรัสเซียที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในน่านฟ้าได้ก่อน และได้ส่งข้อมูลเข้าไปสู่ข่ายป้องกันของระบบที่ผลิตจากเบลารุส ซึ่งทำให้สามารถระบุเป้าหมายที่ไม่เป็นมิตร และล็อกได้อย่างแม่นยำ เว็บไซต์ข่าวกลาโหมแห่งเดียวกันระบุ
หากปราศจากการรบกวนใดๆ ระบบนี้สามารถตรวจจับเป้าเคลื่อนไหวได้ไกลถึง 350 กม. และ จับได้ไม่น้อยกว่า 120 เป้าหมายในขณะเดียวกัน แม้ภายใต้สภาพอากาศเลวร้าย
นักวิเคราะห์มองว่า เวียดนามตัดสินใจถูกต้องในการจัดซื้อระบบเรดาร์ทันสมัยนี้ของเบลารุส นอกเหนือจากการแสวงหาอาวุธกับความร่วมมือด้านกลาโหมจากมิตรเก่าแก่ เช่น รัสเซีย ยูเครน สาธารณรัฐเช็ก โปแลนด์ หรือแม้กระทั่งเกาหลีใต้ ในขณะที่โลกตะวันตก รวมทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี กับอังกฤษ ต่างก็จ้องเข้าไปยังตลาดเวียดนามเช่นกัน
หากเวียดนามหาความร่วมมือกับค่ายตะวันตกในด้านกลาโหมได้ ขีดความสามารถในการป้องกันก็จะสูงยิ่งขึ้นไปอีก นักวิเคราะห์กล่าว.
4
5
"เหยี่ยวราตรี" ปีกหัก