xs
xsm
sm
md
lg

จีนทดลอง J-20 จะบอกอะไรปินส์?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เครื่องบินขับไล่เทคโนโลยีสเตลท์  J-20 หมายเลข 2002 หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบ ณ สนามบินไม่ทราบชื่อในจีน (12 พ.ค.) ภาพเอเยนซี
เอเยนซี - จีนเผยภาพการทดลองเครื่องบินรบเทคโนโลยีสเตลท์สุดไฮเทคครั้งใหม่ ในระหว่างที่กำลังเผชิญหน้ากับฟิลิปปินส์อย่างตึงเครียด นั่นหมายความเช่นไร

ภาพถ่ายเครื่องบินขับไล่ J-20 ลงข่าวโร่อยู่ในเว็บไซต์ของโกลบอลไทมส์ สำนักข่าวกระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์ (13 พ.ค.) หลังจากทำการบินทดสอบ ณ สนามบินไม่เปิดเผยชื่อในจีน

การซ้อมร่อนเจ 20 ในครั้งนี้ของจีนเกิดขึ้นประจวบกับช่วงที่จีนกำลังตึงเครียดกับฟิลิปปินส์ กรณีขัดแย้งเหนือหมู่เกาะหวงเหยียนหรือสการ์โบโรโชล ในทะเลจีนใต้ที่ต่างฝ่ายต่างก็อ้างความเป็นเจ้าของ

ปักกิ่งและมะนิลาต่างนำเรือรบของตนมาประจัญหน้ากันอยู่บริเวณหมู่เกาะหวงเหยียนตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา เพื่อแสดงว่าเกาะดังกล่าวเป็นอาณาอธิปไตยของตน

ขณะนี้ทัศนคติของชาวจีนที่ดันให้รัฐบาลทำสงครามกับปินส์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนั้น ดูจะเพิ่มขึ้นทุกวัน

สำนักข่าวไชน่าเดลี เผยในบทบรรณาธิการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ฟิลิปปินส์ไม่แสดงความร่วมมือใด ๆ ต้อนให้จีนจนมุม ซึ่งคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดฉากตีกัน

ในขณะนั้น ฝั่งฟิลิปปินส์ก็เผยว่า เขาได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับสหรัฐฯ พันธมิตรยาวนานของตน ว่าจะป้องกันไม่ให้ฝ่ายใดรุกเข้ามาโจมตีในบริเวณน่านน้ำที่อุดมไปด้วยทรัพยากรนี้ได้

นักสังเกตการณ์เผยว่า การทดสอบเครื่องบินรบ J-20 ครั้งนี้แสดงว่ากองทัพปลดแอกประชาชนจีนต้องการจะส่งข้อความบางอย่างถึงปินส์

“มะนิลาจะต้องรู้เรื่องการทดสอบนี้ และต้องประเมินเสียใหม่ว่าหากเผชิญหน้ากับทัพจีนเหนือหมู่เกาะหวงเหยียนแล้วไซร้ ใครได้เปรียบใครเสียเปรียบ” ผู้เที่ยวชาญการทหารนายจูน โทเฟล เดรเยอร์ จากมหาวิทยาลัยไมแอมี อธิบาย

ซิวา โอวินดาซามี นักวิเคราะห์การบินเพิ่มเติมว่า แม้ว่าเครื่องบินรบ J-20 ของจีนจะยังไม่สมบูรณ์พร้อมเร็ว ๆ นี้ แต่การทดสอบฯ ก็สะท้อนคำพูดของปักกิ่งว่า ขณะนี้จีนมีสิ่งที่สามารถท้าทายสหรัฐฯได้แล้ว นั่นก็คือเครื่องบินรบเทคโนโลยีสเตลท์

เจ-20 เป็นเครื่องบินรบในยุคที่ 5 ที่มีเทคโนโลยีล่องหน (Stealth) ซึ่งเรดาห์ไม่สามารถตรวจจับได้ ปัจจุบันทั่วโลกมีประจำการเพียง 3 รุ่น คือ เอฟ-22 แร็พเตอร์, เอฟ-35 ไลท์นิ่ง 2 ของสหรัฐฯ และ ซุคฮอย ที-50 ของรัสเซีย โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหากการพัฒนาสำเร็จ เจ-20 จะเป็นเครื่องบินขับไล่หลากบทบาท เช่นเดียวกับ เอฟ-35 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ และหากเทียบกัน ก็ยังมีข้อเหนือกว่า เอฟ-22 ของสหรัฐฯ ที่สามารถบรรทุกอาวุธและเชื้อเพลิงได้มากกว่า จึงมีพิสัยทำการที่ไกลกว่า และปริมาณอาวุธมากกว่า

จีนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า J-20 ของตนจะกลายมาเป็นยอดมงกุฎของกองทัพ เพื่อเสริมศักยภาพให้เกรียงไกร ทั้งนี้ปักกิ่งได้เริ่มทดสอบขึ้นบินครั้งแรกเมื่อเดือนม.ค. ปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหม โรเบิร์ต เกตส์ของสหรัฐฯ เยือนจีน

แม้ว่าจีนจะยังมีเครื่องบินรบเทคโนโลยีสเตลท์ที่ไม่สมบูรณ์แบบจนกว่าจะถึงปี 2561 ตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่ด้วยสถานะที่ “มี” เทคโนโลยีระดับสูงก็ย่อมมีนัยยะสำคัญทางการเมืองมากกว่า

ไหนจะ “ตงเฟิง 21D” ขีปนาวุธนำวิถีจมเรือบรรทุกเครื่องบินของจีนที่พัฒนารุดหน้าอย่างมาก ยิ่งทำให้จีนดูมีศักยภาพทางกองทัพแกร่งกร้าวขึ้นโดยหาคู่ต่อกรได้ยาก

อย่างไรก็ตาม รองศาสตราจารย์จัง หมิงเหลียง จากมหาวิทยาลัยจี้หนาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารเชื่อว่า ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกของปัญหานี้ “หากมีท่าทีว่าจะใช้กำลังทหารกันแล้วละก็ ปัญหานี้ยิ่งหยั่งรากลึกและแก้ไขไม่ได้ง่าย ๆ แน่”
กำลังโหลดความคิดเห็น