xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามยอมเปิดพื้้นที่ใหม่ ให้สหรัฐฯ ค้นหาทหารสูญหายช่วงสงคราม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033> นายลีออน พาเนตตา (ซ้าย) รับฟังการบรรยายจากเจ้าหน้าที่ขณะเยือนศูนย์ค้นหาเชลยศึกและผู้ที่สูญหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ หรือ JPAC ในกรุงฮานอย วันที่ 4 มิ.ย. --AFP PHOTO/POOL/Jim Watson.  </font></b>

เอเอฟพี - เวียดนามจะเปิดพื้นที่ใหม่ 3 แห่ง ให้ทีมค้นหาของสหรัฐฯ เข้าสำรวจหาอัฐิทหารที่สูญหายระหว่างสงคราม รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนามประกาศวันนี้ (4 มิ.ย.) ระหว่างการหารือกับนายลีออน พาเน็ตตา รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ

คำมั่นดังกล่าวมีขึ้นในวันที่ 2 ของการเยือนเวียดนามของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะสานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับเวียดนาม พร้อมกับคานอิทธิพลของจีนที่ขยายตัวมากขึ้นในภูมิภาค

นายพาเน็ตตากล่าวในการแถลงข่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามคืบหน้าไปอีกขั้นในการหารือครั้งนี้ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนสิ่งของที่เป็นของทหารสมัยสงครามเวียดนาม เช่น สมุดบันทึกของทหารเวียดนาม และจดหมายส่วนตัวที่เขียนขึ้นโดยนายทหารสหรัฐฯ นอกจากนั้น นายพาเน็ตตายังได้ขอบคุณต่อฝ่ายเวียดนามสำหรับความช่วยเหลืออย่างยาวนานในความพยายามที่จะระบุตำแหน่ง และค้นหาอัฐินายทหารสหรัฐฯ ที่เสียชีวิต และสูญหายระหว่างสงครามเวียดนาม รวมทั้งการเปิดพื้นที่ค้นหาใหม่อีก 3 แห่ง

พื้นที่ขุดค้นแห่งใหม่ยังรวมพื้นที่ที่เป็นจุดเครื่องบินตกใน จ.กว๋างบี่ง ภาคกลางของเวียดนาม และพื้นที่ที่ทหารสหรัฐฯ สูญหายไปใน จ.กงตูม ซึ่งอยู่ติดพรมแดนกัมพูชา และลาว

เป็นเวลามากกว่า 2 ทศวรรษ ที่รัฐบาลเวียดนาม และสหรัฐฯ ได้ร่วมมือกันค้นหาอัฐินายทหารอเมริกันที่อยู่ในรายชื่อผู้สูญหายจากความขัดแย้งที่สิ้นสุดลงในปี 2518 แต่เนื่องด้วยพยานที่ล้วนสูงอายุ และความเป็นกรดของดินที่ย่อยสลายอัฐิของผู้สูญหาย ทำให้ผู้ค้นหาต้องเร่งมือค้นหาซากอัฐิของผู้สูญหายที่อาจมีเวลาเหลือเพียง 5 ปี ก่อนหลักฐานทุกอย่างจะสูญหายไปหมด

โดยวานนี้ (3 มิ.ย.) นายพาเน็ตตากลายเป็นผู้นำเพนตากอนคนแรกที่เดินทางเยือนท่าเรือกามแร็งที่เคยเป็นฐานทัพสำคัญของกองทัพสหรัฐฯ ในช่วงสงครามเวียดนาม นับตั้งแต่สิ้นสุดความขัดแย้ง ซึ่งนายพาเน็ตตากล่าวว่า ท่าเรือแห่งนี้มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการเคลื่อนย้ายกองกำลังของสหรัฐฯ มายังภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หลังจากนายพาเน็ตตาประกาศในวันเสาร์ (2 มิ.ย.) ถึงแผนการใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะเคลื่อนย้ายกองเรือรบส่วนใหญ่มายังมหาสมุทรแปซิฟิกภายในปี 2563

อย่างไรก็ตาม นายพาเน็ตตาระบุว่า ความช่วยเหลือทางทหารต่อเวียดนามที่ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการป้องกันกับสหรัฐฯ เมื่อปีก่อนนั้น ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าในการแก้ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนของเวียดนามด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ไม่ขายอาวุธร้ายแรงให้แก่เวียดนาม เนื่องจากปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน แต่รัฐมนตรีกลาโหมของเวียดนามกล่าวว่า เวียดนามยังคงสนใจที่จะสั่งซื้ออาวุธของสหรัฐฯ และหวังว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น