.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เรือรบกองทัพเรืออินเดีย 2 ลำ เข้าจอดเทียบท่าในนครหายฝ่อง (Hải Phòng) ตอนเช้าวันเสาร์ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเยือนสันถวไมตรีเวียดนามอีกครั้งหนึ่ง ในแผนการตระเวนเยือนหลายปลายทางในย่านเอเชียแปซิฟิกไปจนถึงญี่ปุ่น รวมทั้งแวะเยือนนครเซี่ยงไฮ้ของจีนด้วย
แต่ความเคลื่อนไหวนี้มีที่มาและที่ไปอย่างน่าสนใจ โดยมีสัมพันธ์ขมระหว่างอินเดียกับจีนกับผลประโยชน์ในทะเลจีนใต้ปูพื้นเป็นภูมิหลัง
การแวะเยือนของเรือศิวลิค (INS Shivalik) เรือฟรีเกตล้ำยุค กับเรือการ์มุค (INS Karmuk) ซึ่งเป็นเรือคอร์แว็ตติดขีปนาวุธนำวิถี เป็นไปตามความตกลงความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศระหว่างอินเดียกับเวียดนามที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมานาน หนังสือพิมพ์กวนโด่ยเญินซเวิน (Quân đội Nhân dân) หรือ “กองทัพประชาชน” รายงานในวันอาทิตย์ 20 พ.ค.นี้
ผู้บังคับการเรือทั้งสองลำได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคณะกรรมการประชาชนนครหายฝ่อง และกองบัญชาการกองเรือภาคที่ 3 กองทัพเรือเวียดนาม สองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสนิทสนม และในบรรยากาศอันอบอุ่น
ระหว่างนี้ ลูกเรือลูกเรือของอินเดียจะประกอบกิจการเพื่อสังคมหลายอย่าง ทำการฝึกฝนแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันกับทหารในสังกัดกองเรือภาคที่ 3 รวมทั้งจัดแข่งกีฬากระชับมิตรระหว่างสองฝ่ายด้วย หนังสือพิมพ์ที่เป็นปากเสียงของกองทัพและตีพิมพ์เผแพร่โดยกระทรวงกลาโหมกล่าว
เรือศิวลิค (INS Shivalik) F47 เป็นเรือฟรีเกตชั้นศิวลิค (Shivalik-Class) รูปทรง “สเตลธ์” ขนาด 6,200 ตัน เป็นหนึ่งในจำนวน 2 ลำเรือฟรีเกตชั้นเดียวกันที่ประจำการขณะนี้ และกองทัพเรืออินเดียมีโครงการจะผลิตอีกหลายลำ หนึ่งในบรรดาเขี้ยวเล็บสำคัญของเรือฟรีเกตชั้นนี้คือ จรวดบรามอส (Bramos) ซึ่งเป็นจรวดร่อนความเร็วระดับซูเปอร์โซนิคสำหรับทำลายเรือรบข้าศึกที่ผลิตขึ้นจากความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับอินเดีย
ส่วนเรือการ์มุค (INS Karmuk) P64 เป็นเรือคอร์แว็ตชั้นโกรา (Kora-Class) ขนาด 1,500 ตัน เป็นหนึ่งในจำนวน 4 ลำ ที่ประจำการในกองทัพเรือปัจจุบัน เขี้ยวเล็บสำคัญยังรวมทั้งจรวดนำวิถี Kh-35 หรือ SS-N-25 หรืออูราน-อี (Uran-E) ของรัสเซีย
ทั้งสองลำรวมอยู่ในกองเรือจำนวน 4 ลำ ที่กองทัพเรืออินเดียส่งออกตระเวนเยือนหลายประเทศ ตั้งแต่อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไปจนถึงญี่ปุ่น รวมเป็นเวลา 2 เดือน
กลับไปอีกครั้ง กวนโด่ยเญินซเวิน (Quân đội Nhân dân)
2
3
4
5
6
กองทัพเรือภาคตะวันออกของอินเดียแถลงเมื่อต้นเดือนนี้ว่า กองเรือสันถวไมตรีนี้นำโดยเรือพิฆาตชั้นราชบุตร (Rajput-Class) ลำหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ระบุชื่อ กับเรือสนับสนุน-เติมน้ำมันอีก 1 ลำ ทั้งสองลำไม่ได้เข้าเทียบท่านครหายฝ่องในคราวนี้ และไม่มีการกล่าวถึง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากองเรือรบอินเดียที่ตระเวนเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สัปดาห์ที่ผ่านมา และแล่นเข้าสู่ทะเลจีนใต้ขณะนี้ จะเข้าร่วมการฝึกร่วม “ริมแพ็ค” หรือ Rim of the Pacific ที่กำลังจะเริ่มขึ้นวันที่ 22 มิ.ย. ใกล้กับทะเลญี่ปุ่น การฝึกร่วมดังกล่าวจัดปะจำทุกๆ 2 ปี โดยกองทัพเรือสหรัฐฯ
อินเดียกำลังจะเป็น 1 ใน 22 ประเทศ ที่เข้าร่วมการฝึก RIMPAC 2012 ประเทศพันธมิตรอื่นๆ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา ชิลี โคลัมเบีย ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เปรู เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ ไทย ตองกา และอังกฤษ โดยไม่จีนร่วมด้วย
ในช่วงสงครามเย็น อินเดียแม้จะได้ชื่อเป็นประเทศประชาธิปไตยใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็มีความบาดหมางกับสหรัฐฯ โดยไปมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับอดีตสหภาพโซเวียต ในขณะที่สหรัฐฯ หนุนหลังรัฐบาลปากีสถาน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านไม้เบื่อไม้เมากับอินเดีย
ยุคสงครามเย็นผ่านพ้นไป อินเดีย และสหรัฐฯ ต้องพึ่งพาอาศัย และร่วมมือกันในการต่อต้านภัยคุกคามร่วมคือ จีน นำมาสู่ความร่วมมือด้านกลาโหม และสหรัฐฯ เริ่มขายอาวุธคุณภาพดีให้แก่กองทัพอินเดียที่พึ่งพาอาวุธของโซเวียต-รัสเซียมาโดยตลอด
ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กองทัพเรือได้เข้าร่วมการฝึกมะละบาร์ (Exercise Malabar 2012) กับกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 1 กองทัพเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ ที่จัดขึ้นในทะเลเบงกอล อินเดียได้ส่งเรือพิฆาตชั้นราชบุตรจำนวน 2 ลำคือ เรือฟรีเกตชั้นศิวลิค 1 ลำ เรือคอร์แว็ตชั้นโคราอีก 1 ลำ กับเรือสนับสนุน-เติมน้ำมัน 1 ลำ เข้าสมทบ
หลายปีมานี้ อินเดียซึ่งเศรษฐกิจเติบโตในระดับสูง ได้ทุ่มงบประมาณมหาศาลพัฒนาการป้องกันประเทศ ทั้งกองทัพบก ทัพเรือ และกองทัพอากาศ ในขณะที่ยังมองจีนเป็นภัยคุกคามอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งในมหาสมุทรอินเดีย และทะเลเบงกอล
ปัจจุบัน กองทัพเรืออินเดียมีเรือพิฆาตชั้นราชบุตรประจำการจำนวน 5 ลำ นาอกจากนั้น ยังมีเรือพิฆาตชั้นเดลี (Delhi-Class) ที่เก่ากว่า ขนาดใหญ่โตกว่า และแล่นได้ช้ากว่าอีก 3 ลำ รวมเป็นทั้งหมด 8 ลำ เรือบรรทุกเครื่องบินอีก 1 ลำ เรือดำน้ำทั้งเก่า และใหม่รวม 20 ลำ รวมทั้งเรือดำน้ำโจมตีขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ 1 ลำด้วย
เบื้องหลังแฝงเร้น US Nay Photos (Released)
7
8
9
10
11
12
13
อินเดียมีปัญหาพิพาทชายแดนกับจีนมานานครึ่งศตวรรษ และยังไม่มีการแก้ไข ปีที่แล้วหลังจากบริษัทน้ำมันรัฐบาลอินเดียเซ็นสัญญาสำรวจก๊าซและน้ำมันในทะเลเวียดนาม จีนได้กล่าวเตือน “บริษัทต่างชาติ” ที่เข้าไปสำรวจทรัพยากรในน่านน้ำของจีน อันเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามออกแถลงตอบโต้โฆษกของจีนเวลาต่อมา ระบุว่าบริเวณที่สำรวจร่วมกับอินเดียอยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลของเวียดนาม ตามกฎหมายทางทะเลขององค์การสหประชาชาติ และเวียดนามมีสิทธิ์อย่างสมบูรณ์จะร่วมกับใครก็ได้ สำรวจและผลิตพลังงานขึ้นมาใช้
การกลับคืนสู่ทะเลจีนใต้ของเรือรบอินเดียยังมีความหมายสำคัญ หลังจากในเดือน ส.ค.2554 เรือไอย์ราวัต (INS Airavat) L24 ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบก ได้รับคำขู่ผ่านคลื่นวิทยุขณะแล่นออกจากท่าเรือหายฝ่อง และอยู่ในทะเลจีนใต้ เสียงขู่จากแหล่งที่ไม่ได้ระบุตัวตน แจ้งว่า “ท่านกำลังอยู่ในน่านน้ำของจีน จงให้ออกไปจากน่านน้ำของจีน” แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรติดตามมา ซึงนายทหารเรืออินเดียให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า ไม่มีอะไรน่าตื่นตระหนก เพราะ “เราอยู่ในน่านน้ำสากล”
อย่างไรก็ตาม หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียกับจีนได้พบเจรจากันและตกลงเพิ่มการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือสองฝ่าย เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์เข้าใจผิดระหว่างปฏิบัติการในทะเล
กองเรือภาคตะวันออกของอินเดียแถลงในสัปดาห์ต้นเดือน พ.ค.นี้ระบุว่า การไปแวะเยือนนครเซี่ยงไฮ้ของเรือรบอินเดียครั้งนี้ ยังเป็นการต่างตอบแทนการเยือนของเรือเจิ้งเหอ (Zheng He) ของกองทัพเรือจีน ที่ไปแวะเมืองโกจิ (Kochi) ในวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา และจอดที่นั่นเป็นเวลา 3 วัน.