เอเอฟพี - การต่อสู้หลายระลอกในพื้นที่ขัดแย้งทางภาคเหนือของพม่าทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตอย่างน้อย 4 นาย สื่อทางการพม่าระบุวันนี้ (29 เม.ย.) และจากเหตุความไม่สงบระหว่างกองทัพกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การปฏิรูปของรัฐบาล
กลุ่มกบฏระบุว่า ได้เปิดฉากต่อสู้ปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลในเมืองวายมอ รัฐกะฉิ่น พื้นที่ที่การต่อสู้อย่างรุนแรงเกิดขึ้นมานานนับปี แม้ข้อเรียกร้องของรัฐบาลกึ่งพลเรือนต้องการที่จะบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มกบฏติดอาวุธหลายกลุ่มในประเทศก็ตาม
“มาตรการต่างๆ ควรถูกกำหนดขึ้นเพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุปะทะกันเช่นนี้อีก การก่อการร้ายนั้นไม่สามารถยอมรับได้ในช่วงเวลาของความพยายามสร้างสันติภาพ” หนังสือพิมพ์นิวไลต์ออฟเมียนมาร์รายงาน พร้อมเพิ่มเติมว่ายังมีเจ้าหน้าที่อีก 3 นายหายไปหลังการสู้รบ
ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพย้ายถิ่นเนื่องจากการปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารของรัฐบาลกับกองกำลังของกองทัพเอกราชกะฉิ่น (KIA) ที่ควบคุมพื้นที่ นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงนาน 17 ปีสิ้นสุดลงเมื่อปีก่อน โดยความขัดแย้งนั้นปะทุขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2554 อันเนื่องจากความไม่พอใจเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าที่จีนให้การสนับสนุนในพื้นที่ และการต่อสู้เริ่มขึ้นนับตั้งแต่นั้น
นอกจากนั้น สื่อของทางการยังได้รายงานเหตุปะทะกันด้วยอาวุธหนักในอีกพื้นที่หนึ่ง ที่กองกำลังต่อสู้ของ KIA ราว 200 คนระบุว่าได้ยึดพาหนะที่เป็นของบริษัทก่อสร้างพม่าที่เชื่อมโยงกับบริษัทจีนซึ่งทำงานอยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของบริเวณก่อสร้างเขื่อน รายงานเพิ่มเติมว่ากองทัพได้ไล่ติดตามกลุ่มกบฏอย่างกระชั้นชิด
สงครามกลางเมืองเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของพม่านับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 2491 การยุติความขัดแย้งและการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นข้อเรียกร้องหลักของประชาคมโลก
รายงานเกี่ยวกับความไม่สงบครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างชาติกำลังเดินทางเยือนพม่า ทั้งนายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ และนางแคทเธอรีน แอชตัน หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศสหภาพยุโรป
นางแอชตันที่เดินทางเยือนพม่าหลังประกาศระงับมาตรการคว่ำบาตรเพื่อเป็นรางวัลให้แก่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ระบุเมื่อวันเสาร์ (28 เม.ย.) ว่า การเข่นฆ่ากันต้องยุติลง และนางแอชตันจะหารือกับประธานาธิบดีเต็งเส่งในประเด็นดังกล่าวระหว่างที่อยู่ในพม่า