ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- สื่อทางการเวียดนามเปิดโปงอีกโครงการที่สะท้อนถึงการพัฒนาที่ไม่ผสมผสานกัน และกำลังจะสร้างปัญหาในอนาคต บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจไฟฟ้ายอมรับว่า ในขณะที่การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากถ่านหินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งกำลังจะเริ่มเดินเครื่อง แต่ยังไม่มีการลงทุนสร้างระบบสายส่งเพื่อนำไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ ซึ่งจะทำให้การขาดแคลนไฟฟ้ายืดเยื้อออกไปอีก
หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ รายงานเรื่องนี้โดยอ้างข้อมูลผู้บริหารระดับสูงของบริษัทสายส่งไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ NPT (National Power Transmission Corporation) นายเหวียนแม็งหุ่ง (Nguyễn Mạnh Hùng)ที่แสดงความกังวลต่อโครงการโรงไฟฟ้าใหญ่ในเขตเศรษฐกิจเปิดหวุงอ๋าง (Vũng Áng) จ.ห่าตี๋ง (Hà Tĩnh) ติดชายแดนลาวทางภาคกลางตอนบน
ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการโรงไฟฟ้าหวุงอ๋าง 1 (Vũng Áng 1) ขนาด 1,200 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 1,600 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้จากญี่ปุ่น สมทบเงินงบประมาณ มีกำหนดปั่นไฟระหว่างเดือน ธ.ค.2555 - ม.ค.2556 เมื่อเดือนเครื่องเต็มที่จะผลิตไฟเข้าระบบได้ 6.64 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี และจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใหญ่ที่สุดในประเทศ ผลิตไฟฟ้าได้ราว 10% ของทั้งระบบ
ห่าตี๋งตั้งอยู่ปลายสุดทางทะเลจีนใต้ของถนนระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เวียดนาม-ลาวและไทย โดยมีปลายทางทิศตะวันตกที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (ท่าแขก-นครพนม) เป็นที่ตั้งเขตเศรษฐกิจเปิดกับท่าเรือน้ำลึกใหญ่อีกแห่งหนึ่ง รัฐบาลมุ่งหวังจะให้จังหวัดนี้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาภาคกลางตอนบนของประเทศ
โรงไฟฟ้าหวุงอ๋าง 1 จึงมีความสำคัญ ไม่เพียงแต่จะเป็นแหล่งพลังงานหลักในเขตเศรษฐกิจเปิดเท่านั้น หากยังส่งไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเพื่อนำไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศอีกด้วย
แต่ นายหุ่ง ซีอีโอของ NPT กล่าวว่าโรงไฟฟ้าหวุงอ๋าง 1 จะไม่มีประโยชน์อันใดหากไม่มีระบบสายส่ง และในขณะนี้การก่อสร้างยังไม่ได้เริ่ม
ซีอีโอของรัฐวิสาหากิจผู้รับผิดชอบข่ายสายส่งไฟฟ้าทั่วประเทศ ได้เรียกร้องให้รัฐสนใจในเรื่องนี้ให้มากขึ้น และขยายการลงทุนสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าให้มากกว่าในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่หวุงอ๋าง เมื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าแล้วเสร็จ การไฟฟ้าเวียดนาม หรือ (Electricity of Vietnam) ก็จะยังไม่สามารถนำไฟฟ้าไป ใช้ได้ และไม่สามารถแก้ไขการขาดแคลนไฟฟ้าของประเทศได้
โรงไฟไฟฟ้าหวุงอ๋าง 1 ลงทุนโดยกลุ่มบริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งชาติ หรือ “ปิโตรเวียดนาม” ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษหวุงอ๋าง มีกำหนดเปิดเดินเครื่องในปลายปีนี้ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่อีวีเอ็น
.
.
“รูปการนี้ ถ้าหากมันเกิดขึ้นก็จะทำให้เกิดการสูญเสียมหาศาลต่อเศรษฐกิจ จะยังขาดแคลนไฟฟ้าอย่างรุนแรงต่อไป” แม้แต่กรุงฮานอยเองก็จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการดับไฟหมุนเวียนแบบเดิมๆ ได้อีกในช่วงฤดูร้อนปีนี้ นอกจากนั้น ผู้ลงทุนก็จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากจะยังไม่สามารถจำหน่ายไฟฟ้าให้กับอีวีเอ็นได้ นายหุ่ง กล่าว
เจ้าหน้าที่กรมพลังงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามกล่าวว่า โครงการก่อสร้างระบบสายส่งขนาด 220Kv จากโรงไฟฟ้าหวุงอ๋าง 1 ไปยังสถานีใกล้ที่สุดล่าช้าออกไป เนื่องจากปัญหาการเวนคืนที่ดินที่คืบหน้าช้ามาก
เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวอีกว่าโรงไฟฟ้าพลังน้ำหว่าบี่ง (Hào Bình) ทางตอนเหนือกรุงฮานอย กับโรงไฟฟ้าเซินลา (Sơn La) ทางตอนบนสุดของประเทศ ผลิตไฟฟ้าได้มากพอส่งป้อนความต้องการในเมืองหลวง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากระบบสายส่งยังไปไม่ถึง ทั้งๆ ที่ควรจะเริ่มก่อสร้างพร้อมกับเขื่อนหรือก่อนหน้านั้น
ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการปีที่แล้วอีวีเอ็นใช้เงินลงทุนถึง 63,000 ล้านด่ง หรือประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์ในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ยังไม่แล้วเสร็จ แต่หนึ่งในสามของเงินลงทุนถูกนำไปใช้หนี้สินรวมทั้งหนี้เงินกู้
ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้รัฐวิสาหกิจใหญ่อื่นๆ จะเข้าลงทุนผลิตไฟฟ้าหลายโครงการเพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่อีวีเอ็น ไม่ว่าจะเป็นรัฐวิสาหกิจถ่านหินหรือรัฐวิสาหกิจน้ำมันและก๊าซ แต่รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าของประเทศก็ยังเป็นตัวหลักในการลงทุนระบบสายส่ง
บริษัทระบบสายส่งไฟฟ้าแห่งชาติซึ่งเป็นบริษัทลูกของอีวีเอ็นมีรายได้เลี้ยงตัวเอง แต่หากจะต้องลงทุนเพิ่มก็จะต้องพึ่งแหล่งทุนภายนอก ในขณะที่รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าซึ่งเป็นบริษัทแม่ประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องในหลายปีมานี้
.
.
การเปิดเผยของผู้บริหารเอ็นพีที สะท้อนเหตุการณ์ในสัปดาห์ต้นเดือน ก.พ.นี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง ปลดประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าออกจากตำแหน่ง ฐานต้องรับผิดชอบต่อการทำให้รัฐวิสาหกิจใหญ่ขาดทุนต่อเนื่อง จากความผิดพลาดด้านบริหารจัดการและขาดวิสัยทัศน์
อีวีเอ็น ถูกกล่าวหาใช้เงินมหาศาลเข้าลงทุนในแขนงที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักอันเป็นแก่นกลางคือ การผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า
ตัวอย่างความล้มเหลวที่เห็นชัดที่สุด คือ บริษัท อีวีเอ็นเทเลคอม (EVN Telecom) ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 6-7 รายในเวียดนาม และตกอยู่ในฐานะล้มละลาย หลังจากไม่สามารถแข่งขันได้ ทำให้สูญเงินงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์
รัฐบาลเวียดนามได้ขอให้ข่ายเวียดเทล (Viettle) ของกองทัพประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าตลาดในปัจจุบัน เข้าซื้อกิจการของอีวีเอ็นเทเลคอม
สัปดาห์ที่แล้วสื่อของทางการได้รายงานความคืบหน้าการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่บนเกาะฟุก๊วก เกาะอ่าวไทยที่เวียดนามพัฒนาให้เป็นปลายทางท่องเที่ยวระดับโลกภายใน 10 ปีข้างหน้านี้ การก่อสร้างสนามบินคืบหน้าไปตามทกำหนดและจะเปิดใช้ปลายปีนี้ แต่ยังไม่มีถนนไปเชื่อมต่อกับทางหลวงเข้าสู่ตัวเมือง
อีกเหตุการณ์หนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เมื่อก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกแห่งแรกของประเทศใน จ.บ่าเหรียะ-หวุงเต่า (Bà Rịa - Vũng Tàu) แล้วเสร็จ ทางการก็ได้พบว่า ยังไม่มีถนนสายรองเพื่อเชื่อมท่าเรือใหญ่กับระบบทางหลวง ซึ่งได้สร้างปัญหาให้แก่การขนส่งสินค้าต่อมาอีกนานนับปี.