ASTVผู้จัดการรายวัน - ปตท.ยันจับมือปิโตรเวียดนามทำธุรกิจก๊าซหุงต้มในเวียดนามต่อไป มองใช้เป็นฐานรุกธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น ปิโตรเคมีในเวียดนาม หลังก่อนหน้านี้ลังเลจะขายหุ้นในบริษัท เวียดนามแอลพีจีที่ถืออยู่ 45%ออกไป ชี้สัปดาห์นี้ส่อปรับขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน 2 รอบจากการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ 1 บาท/ลิตรและราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น
นายสรัญ รังคศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าธุรกิจก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ในเวียดนามว่า ขณะนี้บริษัทปิโตรเวียดนาม ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมทุนในบริษัท เวียดนามแอลพีจี จำกัด (VLPG) มีความประสงค์ต้องการให้ปตท.ยังคงถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวอยู่ ไม่ต้องการให้ถอนการลงทุนออกไปทำให้บริษัทฯต้องพิจารณาใหม่ว่ายังคงร่วมทุนในบริษัท เวียดนามแอลพีจีต่อไป เนื่องจากปตท.จะใช้เป็นฐานในการรุกธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเครื่อง ปิโตรเคมีในเวียดนาม รวมไปถึงการรุกเปิดสถานีบริการน้ำมันในเวียดนามด้วยหากรัฐบาลเวียดนามอนุญาตให้ต่างชาติเข้าไปทำธุรกิจค้าปลีกน้ำมันได้
อย่างไรก็ตาม ทางปิโตรเวียดนามมีแผนจะนำบริษัทเวียดนามแอลพีจีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม โดยจะจัดสรรหุ้นขายให้ประชาชนทั่วไปประมาณ 20-25% ซึ่งเม็ดเงินที่ได้จากการขายหุ้นก็นำมาสร้างคลังและเครื่องจักรที่โรงบรรจุก๊าซฯเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มยอดจัดจำหน่ายแอลพีจี สนองความต้องการของประชาชนที่มีความต้องการใช้แอลพีจีเพิ่มสูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ ปตท.มีแผนที่จะขอซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท เวียดนามแอลพีจีจากปิโตรเวียดนามที่ถือหุ้นใหญ่อยู่ 55% หากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จก็อาจจะขายหุ้นในมือทั้งหมดออกไป หลังจากนั้นจะรุกธุรกิจแอลพีจีในเวียดนามอย่างเต็มรูปแบบโดยถือหุ้น 100%ภายใต้แบรนด์ปตท.เอง เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจแอลพีจีที่ร่วมทุนในเวียดนามนั้นไม่ได้มีการเติบโตเหมือนในอดีต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพาร์ทเนอร์เองก็ดำเนินธุรกิจนี้เหมือนกันอีกบริษัทหนึ่งด้วย
นายสรัล กล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) รอบ 2 จะปรับขึ้นกิโลกรัมละ 50 สตางค์และก๊าซแอลพีจีสำหรับรถยนต์จะปรับขึ้นอีก 75 สตางค์/กิโลกรัม นั้น เชื่อว่าจะไม่มีผลทำให้ยอดการใช้ก๊าซNGVและLPG ลดลง เนื่องจากราคาก๊าซฯที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นไม่มาก และราคาถูกมากเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายอยู่ ซึ่งปัจจุบันราคา NGV อยู่ที่ 9 บาทต่อกิโลกรัม และ LPG สำหรับรถยนต์อยู่ที่ 11.50 บาทต่อกิโลกรัม โดยยอมรับว่าขณะนี้ราคาแอลพีจีในตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 1,000 กว่าเหรียญสหรัฐ ทำให้ภาครัฐต้องชดเชยส่วนต่างราคานำเข้าแอลพีจีในอัตราที่สูง หากไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างราคาพลังงานเชื่อว่าในระยะยาวจะเป็นภาระให้กับประเทศ
***ปิดซ่อมแหล่งก๊าซสินภูฮ่อม
นายพีระพงษ์ อัจฉริยชีวิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติแหล่งก๊าซสินภูฮ่อม จังหวัดอุดรธานี กำหนดจะปิดซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์ ระหว่างวันที่ 18 - 22 กุมภาพันธ์ 2555 นั้น ปตท. มีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการสถานีจ่ายก๊าซหลัก อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เป็นการชั่วคราวในช่วงเวลาดังกล่าว โดย ปตท. ได้เตรียมความพร้อมรองรับฯ ด้วยการเพิ่มกำลังการจ่ายก๊าซธรรมชาติจากสถานีจ่ายก๊าซหลัก อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และ จัดสรรก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นมาให้บริการแก่สถานีนอกแนวท่อส่งก๊าซฯ (สถานีลูก) ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทดแทนปริมาณก๊าซธรรมชาติบางส่วนที่ลดลง เพื่อให้ผู้ใช้รถ NGV ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งสถานีจ่ายก๊าซหลัก อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
นายสรัญ รังคศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าธุรกิจก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ในเวียดนามว่า ขณะนี้บริษัทปิโตรเวียดนาม ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมทุนในบริษัท เวียดนามแอลพีจี จำกัด (VLPG) มีความประสงค์ต้องการให้ปตท.ยังคงถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวอยู่ ไม่ต้องการให้ถอนการลงทุนออกไปทำให้บริษัทฯต้องพิจารณาใหม่ว่ายังคงร่วมทุนในบริษัท เวียดนามแอลพีจีต่อไป เนื่องจากปตท.จะใช้เป็นฐานในการรุกธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเครื่อง ปิโตรเคมีในเวียดนาม รวมไปถึงการรุกเปิดสถานีบริการน้ำมันในเวียดนามด้วยหากรัฐบาลเวียดนามอนุญาตให้ต่างชาติเข้าไปทำธุรกิจค้าปลีกน้ำมันได้
อย่างไรก็ตาม ทางปิโตรเวียดนามมีแผนจะนำบริษัทเวียดนามแอลพีจีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม โดยจะจัดสรรหุ้นขายให้ประชาชนทั่วไปประมาณ 20-25% ซึ่งเม็ดเงินที่ได้จากการขายหุ้นก็นำมาสร้างคลังและเครื่องจักรที่โรงบรรจุก๊าซฯเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มยอดจัดจำหน่ายแอลพีจี สนองความต้องการของประชาชนที่มีความต้องการใช้แอลพีจีเพิ่มสูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ ปตท.มีแผนที่จะขอซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท เวียดนามแอลพีจีจากปิโตรเวียดนามที่ถือหุ้นใหญ่อยู่ 55% หากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จก็อาจจะขายหุ้นในมือทั้งหมดออกไป หลังจากนั้นจะรุกธุรกิจแอลพีจีในเวียดนามอย่างเต็มรูปแบบโดยถือหุ้น 100%ภายใต้แบรนด์ปตท.เอง เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจแอลพีจีที่ร่วมทุนในเวียดนามนั้นไม่ได้มีการเติบโตเหมือนในอดีต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพาร์ทเนอร์เองก็ดำเนินธุรกิจนี้เหมือนกันอีกบริษัทหนึ่งด้วย
นายสรัล กล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) รอบ 2 จะปรับขึ้นกิโลกรัมละ 50 สตางค์และก๊าซแอลพีจีสำหรับรถยนต์จะปรับขึ้นอีก 75 สตางค์/กิโลกรัม นั้น เชื่อว่าจะไม่มีผลทำให้ยอดการใช้ก๊าซNGVและLPG ลดลง เนื่องจากราคาก๊าซฯที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นไม่มาก และราคาถูกมากเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายอยู่ ซึ่งปัจจุบันราคา NGV อยู่ที่ 9 บาทต่อกิโลกรัม และ LPG สำหรับรถยนต์อยู่ที่ 11.50 บาทต่อกิโลกรัม โดยยอมรับว่าขณะนี้ราคาแอลพีจีในตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 1,000 กว่าเหรียญสหรัฐ ทำให้ภาครัฐต้องชดเชยส่วนต่างราคานำเข้าแอลพีจีในอัตราที่สูง หากไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างราคาพลังงานเชื่อว่าในระยะยาวจะเป็นภาระให้กับประเทศ
***ปิดซ่อมแหล่งก๊าซสินภูฮ่อม
นายพีระพงษ์ อัจฉริยชีวิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติแหล่งก๊าซสินภูฮ่อม จังหวัดอุดรธานี กำหนดจะปิดซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์ ระหว่างวันที่ 18 - 22 กุมภาพันธ์ 2555 นั้น ปตท. มีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการสถานีจ่ายก๊าซหลัก อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เป็นการชั่วคราวในช่วงเวลาดังกล่าว โดย ปตท. ได้เตรียมความพร้อมรองรับฯ ด้วยการเพิ่มกำลังการจ่ายก๊าซธรรมชาติจากสถานีจ่ายก๊าซหลัก อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และ จัดสรรก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นมาให้บริการแก่สถานีนอกแนวท่อส่งก๊าซฯ (สถานีลูก) ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทดแทนปริมาณก๊าซธรรมชาติบางส่วนที่ลดลง เพื่อให้ผู้ใช้รถ NGV ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งสถานีจ่ายก๊าซหลัก อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป