เอเอฟพี - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพม่ากำลังทำงานกันอย่างหนักกับการอภิปรายจัดสรรงบประมาณ ที่นับเป็นครั้งแรกของสภาและภารกิจสำหรับบรรดาสมาชิกสภาที่ไม่มีประสบการณ์ในประเทศที่ทหารสามารถใช้เงินงบประมาณได้อย่างอิสระมาอย่างยาวนาน
นับเป็นเวลาเกือบปีที่พม่าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองพร้อมกับรัฐบาลพลเรือนชุดใหม่หลังอยู่ภายใต้การปกครองในระบอบเผด็จการทหารนานหลายทศวรรษ ที่ครั้งหนึ่งรายงานเกี่ยวกับงบประมาณไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่ในตอนนี้เปิดให้อภิปรายได้อย่างดุเดือด
“เรามีกรอบโครงร่าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก” อองทุนเต๊ต (Aung Tun Thet) ที่ปรึกษาสหประชาชาติในนครย่างกุ้ง กล่าว โดยอ้างถึงร่างงบประมาณที่รัฐบาลของประธานาธิบดีเต็งเส่งเตรียมไว้ในเดือน ธ.ค.
ในช่วงระหว่างการปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการทหารอันยาวนาน งบประมาณรัฐจัดทำขึ้นโดยรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว
“ไม่มีการประเมิน ไม่มีการอภิปราย ไม่มีการเจรจาหารือ แต่ในตอนนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เรามีโอกาสที่จะอภิปรายเกี่ยวกับงบประมาณและลำดับความสำคัญ” นายเต๊ตกล่าว
“ถือเป็นขั้นตอนใหม่ที่ก้าวหน้าอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงการตรวจสอบและความสมดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร” นายเต๊ต กล่าว
แม้ว่าพรรครัฐบาลที่กองทัพให้การสนับสนุนจะถือเสียงข้างมากในสภา แต่ผู้บัญญัติกฎหมายเหล่านี้สามารถอภิปรายกฎหมาย ลงคะแนนเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบระหว่างสองสภาได้
กระทรวงวางแผนและการพัฒนา ระบุว่า แผนงบประมาณบางส่วนจะสร้างความพอใจให้กับชาติตะวันตก เนื่องจากมีแผนจะเพิ่มงบประมาณด้านการศึกษา 2 เท่า และปรับเพิ่มงบประมาณในส่วนของสาธารณสุขอีก 4 เท่า มากกว่าในปีงบประมาณที่ผ่านมา
รายงานของสหประชาชาติปี 2552 ระบุว่า พม่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราใช้จ่ายด้านสุขภาพที่ต่ำที่สุดในโลกด้วยจำนวนเพียง 7 ดอลลาร์ต่อปีต่อคนในด้านการดูแลรักษาพยาบาล หรือเป็นเพียง 1.8% ของงบประมาณทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงหาทางที่จะจัดสรรเงินงบประมาณราว 15.33% ให้กองทัพ
“เราไม่สามารถเห็นชอบกับสิ่งที่พวกเขาร้องขอได้” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน กล่าว พร้อมทั้งระบุเปรียบเทียบพม่ากับประเทศเพื่อนบ้านว่าประเทศเหล่านั้นเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ในขณะที่พม่ายังไม่ใช่
“เราไม่สามารถพูดคุยถึงเรื่องนี้ได้อย่างเปิดเผยนักเนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว” ส.ส. ฝ่ายค้าน คนเดิม กล่าว
หากร่างงบประมาณได้รับการรับรอง ส่วนแบ่งงบประมาณของกองทัพจะเพิ่มขึ้น 50% เป็น 2,350 ล้านดอลลาร์ เทียบกับปีก่อน แต่การอภิปรายอาจเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากงบประมาณรัฐปีก่อนหน้าไม่เคยเปิดเผยมาก่อน เพราะถือว่าเป็นความลับของรัฐ
นายเอมอ (Maung) สมาชิกวุฒิสภาและประธานพรรคพัฒนาแห่งชาติยะไข่ (RNDP) กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะอนุมัติคำขอสำหรับงบประมาณทางทหารดังกล่าว
“เรายอมรับได้ แต่เราไม่ทราบว่านี่เป็นจำนวนที่แท้จริงหรือไม่เนื่องจากเราไม่ทราบงบประมาณก่อนหน้านี้” นายมอ กล่าว
ในปี 2552 Jane's Sentinel ซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของนิตยสารข่าวกรองด้านกลาโหม ประเมินว่างบประมาณด้านทหารของกองทัพพม่าอยู่ที่ 1,500 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัฐบาลชุดใหม่ให้คำมั่นว่ากองทัพจะไม่มีอำนาจอย่างเสรีต่อการจัดสรรงบประมาณรัฐปีนี้
นายโท นาย มาน (Toe Naing Mann) บุตรชายของ นายฉ่วย มาน อดีตผู้นำหมายเลข 3 ในรัฐบาลเผด็จการทหารชุดก่อน ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พล.อ. มินอองหล่าย (Min AUng Hlaing) ผู้บัญชากองทัพทหารพม่าไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการเมือง
นายมานกล่าวว่า งบประมาณกองทัพค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ แต่ยังคงถือว่าต่ำในแง่ของความเป็นจริง
การอภิปรายเงินงบประมาณ คาดว่า จะสิ้นสุดในอีกไม่กี่สัปดาห์ และผลการอภิปรายจะกลายเป็นการอภิปรายงบประมาณรัฐครั้งแรกในสภานับตั้งแต่ปี 2505
ด้าน นางเมรัล คาราสุลู (Meral Karasulu) ผู้นำคณะจากไอเอ็มเอฟที่เดินทางเยือนพม่าเมื่อเดือน ม.ค. กล่าวว่า การอภิปรายเป็นการมอบโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ที่จะจำกัดความใหม่ถึงความสำคัญของค่าใช้จ่ายภายในประเทศและทำให้เกิดความโปร่งใสด้านการคลัง และ นางคาราสุลู ได้แสดงความยินดีต่อความตั้งใจที่จะปรับปรุงด้านการศึกษาและสาธารณสุข และคาดการณ์ว่าพม่าจะขาดดุลปานกลาง ที่ประมาณ 4.6% ของ GDP ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน
“นโยบายการคลังที่รอบคอบเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของทั้งระบบ” เจ้าหน้าทีคนเดียวกัน กล่าว.