เอเอฟพี - ลาวกำลังมองหาเสียงสนับสนุนจากประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 แห่ง คือ ไทย กัมพูชา และ เวียดนาม ในวันนี้ (8 ธ.ค.) ในการหารือเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าไซยะบูลีบนแม่น้ำโขง ที่เผชิญกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากบรรดานักอนุรักษนิยม
ลาวได้จัดการเจรจาหารือระดับสูงกับกัมพูชา ไทย และเวียดนาม ที่เป็นประเทศสมาชิกในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ใน จ.เสียมราฐ ของกัมพูชา เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการเขื่อนมูลค่า 3,800 ล้านดอลลาร์
นักเคลื่อนไหวเตือนว่าเขื่อนขนาด 1,260 เมกะวัตต์ในลาว ที่เป็น 1 ในเขื่อน 11 แห่ง ที่วางแผนจะสร้างขึ้นบนแม่น้ำโขงตอนล่าง จะส่งผลกระทบต่อประชาชนราว 60 ล้านคน ที่ใช้ชีวิตขึ้นอยู่กับแม่น้ำสายนี้
ฝ่ายไทยที่เห็นชอบจะซื้อไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเขื่อนแห่งนี้ถึง 95% ระบุในการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมที่มีขึ้นในวันนี้ว่าจะไม่คัดค้านโครงการดังกล่าว แต่เวียดนามและกัมพูชา ที่ยังคงวิตกกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากเขื่อนต่อการทำฟาร์มและอุตสาหกรรมประมง ได้แสดงความคิดเห็นถึงข้อกังวลดังกล่าวอย่างหนักแน่นและเรียกร้องให้มีการศึกษาเพิ่มเติมก่อนที่จะอนุมัติให้โครงการดำเนินต่อไป นอกจากนั้น เวียดนามยังได้เสนอให้เลื่อนโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าทุกแห่งบนแม่น้ำโขงตอนล่างออกไปอีก 10 ปี
แม้จะมีความวิตกกังวลถึงประเด็นต่างๆ แต่ทุกการตัดสินใจที่มีขึ้นในการประชุมวันนี้จะยังไม่มีผลผูกพันตามกฎหมายกับลาว
.
ประเทศเล็กๆ แห่งนี้ เป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก และเขื่อนไฟฟ้ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตในการเป็นแบตเตอรี่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน คือ เวียดนาม และไทย และในการตอบสนองต่อเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับโครงการเขื่อนไซนะบูลี เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ลาวระบุว่า ได้ระงับการก่อสร้างเขื่อนและได้ทบทวนโครงการใหม่อีกครั้ง
และในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายวีละพน วีละวง รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ กล่าวกับหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทม์ส ว่า ควรอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างต่อไป เนื่องจากเขื่อนแห่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง
อย่างไรก็ตาม กัมพูชา ระบุว่า การศึกษาที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอและเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติบถึงผลกระทบข้ามพรมแดนของโครงการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ก่อนการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะมีขึ้น
ขณะที่นักสิ่งแวดล้อม เตือนว่า การก่อสร้างเขื่อนบนแม่น้ำสายหลักจะดักสารอาหารสำคัญหลายชนิด ส่งผลให้สาหร่ายเติบโตเพิ่มมากขึ้น และขัดขวางปลาหลายสิบสายพันธุ์ที่จะว่ายไปยังต้นน้ำเพื่อวางไข่
.