เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่อาวุโสของลาว กล่าวยืนยันในวันนี้ (10 พ.ค.) ว่า ลาวเห็นชอบที่จะทำการศึกษาวิจัยผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงตอนล่าง หลังระงับโครงการก่อสร้างดังกล่าวไปแล้ว
“ลาวจะจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาประเด็นที่เวียดนามวิตกกังวลในโครงการเขื่อนไซยะบูลี มูลค่า 3,800 ล้านดอลลาร์” นายดาววง พอนแก้ว (Daovong Phonekeo) รองผู้อำนวยการไฟฟ้าลาว กล่าว และว่า การศึกษาจะเริ่มขึ้นโดยเร็วที่สุด
นายดาววง กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการวิจัยยังไม่ได้สรุป แต่บริษัท ช.การช่าง ของไทย อาจถูกขอให้เป็นผู้ออกทุน เนื่องจากบริษัท ช.การช่าง เป็นแกนหลักในการก่อสร้างโครงการเขื่อนแห่งนี้ และยืนยันถึงการระงับโครงการก่อสร้าง ขณะที่การศึกษาผลกระทบจะดำเนินการขึ้นพร้อมกัน
เจ้าหน้าที่ของสำนักข่าวเวียดนามนิวส์ รายงานว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีทองสิง ทำมะวง ของลาว ได้แจ้งต่อนายกรัฐมนตรี เหวียน เติ๋น ยวุ๋ง ของเวียดนามว่า โครงการจะระงับการก่อสร้างชั่วคราว
รายงานระบุว่า ผู้นำของทั้งสองประเทศเห็นชอบที่จะให้มีการศึกษาวิจัยที่อาจมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติร่วมด้วย เพื่อหาข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่นพอสำหรับใช้ในการตัดสินใจก่อสร้างเขื่อนในอนาคต
ในการประชุมระดับภูมิภาคเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เวียดนามที่มีความสัมพันธ์ทางการเมืองใกล้ชิดกับลาว ได้แสดงความกังวลอย่างมากต่อการประเมินโครงการก่อสร้างเขื่อนที่ยังไม่เพียงพอ รวมทั้งความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมประมงและเกษตรของประเทศ โดยเวียดนามเรียกร้องให้ระงับการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าบนแม่น้ำโขงสายหลักไปอย่างน้อย 10 ปี
ส่วนประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง กัมพูชา และ ไทย ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการศึกษาผลกระทบจากเขื่อนต่อสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่เพียงพอเช่นกัน
ทั้งนี้ ลาวได้เริ่มสร้างถนนไปยังเขตก่อส้างเขื่อนไซยะบูลีบ้างแล้ว ซึ่งเขื่อนไซยะบูลี เป็นโครงการก่อสร้างเขื่อนแห่งแรก จาก 11 แห่ง ที่จะสร้างขึ้นบนแม่น้ำโขงตอนล่าง
นักสิ่งแวดล้อมเตือนว่า การสร้างเขื่อนบนส่วนหนึ่งของแม่น้ำจะดักสารอาหารสำคัญ ทำให้การเติบโตของสาหร่ายขยายตัวมากขึ้น และ ขัดขวางการอพยพย้ายถิ่นของปลาหลายพันธุ์ที่สำคัญ เช่น ปลาบึก ที่จะว่ายไปต้นน้ำเพื่อวางไข่
ประชาชนมากกว่า 60 ล้านคนที่อาศัยในบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ต่างใช้ชีวิตขึ้นอยู่กับระบบแม่น้ำ ทั้ง ในด้านอาหาร การคมนาคม และกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ
