ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ภาคเอกชนเวียดนามเคลื่อนไหวกันคึกคัก รับข่าวนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตอุตสาหกรรมจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุนญี่ปุ่นซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเนื่องจากภัยธรรมชาติ ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ
แผ่นดินไหวกับภัยพิบัติคลื่นสึนามิ และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเดือน มี.ค.ปีนี้ อุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทยขณะนี้ เงินสกุลหยวนของจีนที่แข็งค่าต่อเนื่อง และนโยบายการใช้ที่ดินใหม่ของจีน ล้วนเป็นปัญหาใหญ่สำหรับนักลงทุนญี่ปุ่น ซึ่งทำให้จะต้องย้ายฐานการผลิตสู่ประเทศหรือดินแดนอื่น รวมทั้งเวียดนามด้วย
ปัจจุบันการผลิตอุตสาหกรรมต่างๆ ในเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมวิศวกรรมเครื่องจักรกล กำลังเร่งเครื่องเต็มอัตราเพื่อผลิตชดเชยความเสียหายที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศไทย หรือในที่อื่นๆ
การสำรวจโดยสำนักนิกเกอิแห่งญี่ปุ่น เมื่อเร็วๆ นี้ ยังพบว่า นักลงทุนญี่ปุ่นจัดเวียดนามอยู่อันดับ 4 ในบรรดาประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีสภาพแวดล้อมและศักยภาพด้านการค้าดีเยี่ยมในระยะยาว และเป็นอันดับ 3 ในระยะปานกลาง ซึ่งทำให้เวียดนามมีโอกาสอย่างสูง
กว่า 60% ของนักลงทุนญี่ปุ่น มองว่า เวียดนามเป็นประเทศนำหน้าและน่าสนใจมากที่สุดในการตั้งฐานการผลิต สำนักข่าวซเวินจี๊ รายงาน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม รวมทั้งนักลงทุนญี่ปุ่นเองต่างมีความกังวลในประเด็นสำคัญ คือ ด้านกฎหมายและกฎระเบียบของเวียดนาม ซึ่งยังล้าหลังหากเทียบกับการพัฒนาด้านการลงทุนของโลกในช่วงสิบปีมานี้ และยังไม่ทันการณ์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
นายฮิเดโอะ นาอิโตะ แห่งธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (JBIC) กล่าวว่า การลงทุนในเวียดนามยังมีปัญหาและ “สิ่งกีดขวาง” อีกมาก รวมทั้งปัญหาระบบสาธารณูปโภคที่ยังไม่ทั่วถึง การขาดแคลนบุคคลากรระดับบริหารกับกระบวนการทางกฎหมายที่สลับซับซ้อน จำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาและปรับปรุงแก้ไข
เจ้าหน้าที่ของ JBIC แนะนำให้เวียดนามเพิ่มความเอาใจใส่ต่ออุตสาหกรรมประกอบรถยนต์และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึงจะดึงดูดนักลงทุนจากญี่ปุ่นได้มาก
ยังมีอีกหลายปัญหาที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข รวมทั้งการจัดหาแหล่งเงินทุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กให้เพียงพอ ฝึกฝนบุคลากรให้พอความต้องการของอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ และจัดการปัญหาเกี่ยวกับการใช้ที่ดินและการเวนคืนให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซเวินจี๊ กล่าว