ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- นักศึกษาสาวชาวไทย วัย 22 ปี ถูกจับกุมที่ท่าอากาศยานเตินเซินเญิ๊ต (Tan Son Nhat) พร้อมสารมีธาแอมเฟตามีน สารกระตุ้นที่ใช้ผลิตยาบ้ารวมน้ำหนัก 3.1 กก.ซุกอยู่ในกระเป๋าเดินทาง และถูกส่งตัวให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดดำเนินการในขณะนี้
สาวนักศึกษาที่ถูกระบุชื่อ น.ส.ปรียานุช พุทธรักษา เดินทางจากกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ซึ่งสื่อของทางการ กล่าวว่า เป็นต้นทางขนส่งยาเสพติดที่สำคัญ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีนักศึกษาหญิงถูกจับกุมพร้อมสารเสพติดคล้ายกันนี้มาหลายครั้ง
หญิงสาวผู้ต้องหาเหล่านี้กำลังจะได้รับโทษสูงสุด ซึ่งความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในเวียดนามมีโทษถึงประหารชีวิต หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋รายงานอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ศุลการักษ์นครโฮจิมินห์
นส.ปรียานุช เดินทางไปกับสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ส เที่ยวบิน QR688 ในคืนวันอาทิตย์ (1 พ.ย.) ขณะผ่านช่องตรวจของศุลกากร เจ้าหน้าที่พบห่อสีเหลืองจำนวน 3 ห่อที่ซุกไว้อย่างมิดชิดน่าสงสัยในชั้น 2 ของกระเป๋าเดินทางจึงได้ตรวจค้น
การทดสอบได้พบว่า เป็นสารมีธาแอมเฟตามีน (Methamphetamine) ในรูปเกล็ด เจ้าหน้าที่ศุลการักษ์เปิดเผยเรื่องนี้กับเตื่อยแจ๋ แต่สื่อของทางการมิได้ให้รายละเอียดอื่นใดอีกเกี่ยวกับ น.ส.ปรียานุช รวมทั้งเส้นทางการขนส่งยาเสพติดจากกรุงโดฮาในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น วันที่ 18 ก.ค.2554 เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้จับยึดมีธาแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดรวมน้ำหนัก 4.1 กก.ในกระเป๋าเดินทางของ น.ส.เจิ่นห่าเตียน (Tran Ha Tien) ซึ่งเดินทางไปกับกาตาร์แอร์เวย์ส จากกรุงโดฮา ไปยังนครโฮจิมินห์เช่นกัน
เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบมอร์ฟีนชนิดเกล็ดอีก 4.1 กก.ในกระเป๋าเดินทางของ น.ส.เจิ่นห่าซวี (Tran Ha Duy) ซึ่งเป็นน้องสาวของ น.ส.เตียน ที่เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษา
ระยะหลังนี้มีการใช้นักเรียนและนักศึกษาเพศหญิงในการลักลอบขนสารเสพติดเข้าเวียดนามบ่อยครั้งขึ้น รวมทั้งการขนส่งภายในประเทศเองด้วย เตื่อยแจ๋ กล่าว
“อนาคตของหญิงสาวที่พัวพันกับการค้ายาเสพติดเหล่านี้ได้หมดลงแล้ว เพราะว่าพวกเธอกำลังจะต้องได้รับโทษสูงสุดในความผิดฐานค้ายาเสพติดที่ผิดกฎหมาย” เตื่อยแจ๋รายงานคำพูดของเจ้าหน้าที่ศุลกากรเวียดนามคนหนึ่ง
ยาเสพติดเป็นหนึ่งในสาม “ความชั่วร้ายทางสังคม” เช่นเดียวกับการคอร์รัปชันและการค้าประเวณี ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์กับรัฐบาลเวียดนามได้ปราบปรามอย่างหนักและต่อเนื่องมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว
ปัจจุบันเวียดนามได้เปลี่ยนมาใช้การลงโทษสูงสุดโดยฉีดสารพิษร้ายแรงแทนการยิงเป้า แต่การดำเนินการได้เลื่อนมาหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเลื่อนออกไปจากวันที่ 1 พ.ย.2554 อย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากยังไม่พร้อมสื่อของทางการกล่าว