ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- นักวิทยาศาสตร์เวียดนามสำรวจพบด้วยตนเอง ว่า บริเวณที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศ ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่ยังเคลื่อนตัวอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้ในอนาคต การสำรวจศึกษาโดยสถาบันวิจัยทางด้านธรณีศาสตร์แห่งหนึ่ง พบรอยเลื่อนขนาดใหญ่ถึง 2 แนวในแถบชายทะเลแถบ จ.นีงทวน (Ninh Thuận) ซึ่งการสำรวจก่อนหน้านี้ (โดยนักวิทยาศาสตร์รัสเซีย) ไม่พบมาก่อน
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นในเดือน มี.ค.ปีนี้ ได้ส่งคลื่นสึนามิสูง 10 เมตร เข้าทำลายเมืองกับหมู่บ้านหลายแห่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตกับสูญหายกว่า 27,500 คน และยังทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิชิ แต่ได้เป็นสิ่งเตือนใจให้นักวิทยาศาสตร์เวียดนามต้องศึกษาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของตนเองให้รอบคอบยิ่งขึ้น
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเวียดนาม ได้จัดหาเงินทุนให้แก่นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งจากสถาบันธรณีวิทยาและแหล่งแร่ที่ค้นพบเรื่องใหม่ๆ อันอาจจะเป็นอันตรายต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศ ซึ่งประกอบด้วย โรงไฟฟ้าถึง 2 โรง ให้ศึกษาในรายละเอียดต่อไปตลอดเวลา 2 ปีข้างหน้า หนังสือพิมพ์แถ่งเนียนรายงานในเว็บไซต์ภาคภาษาเวียดนาม
ความจริงแล้วสถาบันดังกล่าวได้เตือนล่วงหน้ามาก่อน แต่ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อของทางการเท่าที่ควรเนื่องจากระยะที่ผ่านมาได้มีกระแสต่อต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกิดขึ้นทั่วไป และ เกือบทั้งหมดล้วนใช้ข้อมูลเก่าๆ อ้างอิง และผู้เชี่ยวชาญแห่งสถาบันดังกล่าวได้ออกเรียกร้องแต่เนิ่นๆ ให้ทางการย้ายโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศไปยังที่ตั้งแห่งใหม่ หรือให้เลื่อนเวลาก่อสร้างออกไป
อย่างไรก็ตาม กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้ และยังเป็นหน่วยงานที่จะต้องออกใบอนุญาตให้มีการก่อสร้างได้ตามกฎหมาย ได้กล่าวว่ายังจำเป็นจะต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งจะค้นพบ
รายงานที่สถาบัน นำเสนอต่อการประชุมสัมมนาที่จัดขึ้นใน จ.นีงทวน วันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่ารอยเลื่อนทั้งสองแห่งที่เรียกว่า “เสือยเมีย” (Suối Mia) กับ "หวีงหาย" (Vĩnh Hải) ยังคงเคลื่อนตัวอยู่ และสามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหว ที่แรงพอจะทำให้สิ่งปลูกสร้างใดๆ ในอาณาบริเวณถึงกับพังทลายลงได้
ดร.เจิ่นเติ๋นวัน (Trần TấnVăn ) ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมที่ทำการศึกษาเรื่องนี้บอกว่า รอยเลื่อนเสือยเหมี่ย ตรวจพบในรอยแยกยาว 1.52 กิโลเมตรที่ตัดผ่านแนวหินแกรนิตใต้ท้องทะเลในอ่าวนีงทวน และ รอยเลื่อยวีงหาย ทำให้เกิดปรากฏเป็นแนวแยกยาว ตัดเอาเกาะเฮินแด่ว (Hơn đèo) กับเกาะอื่นๆ ออกจากแผ่นดินใหญ่ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งหมดนี้นักวิทยาศาสตร์รัสเซียและเวียดนาม ยังไม่เคยพบในการศึกษาครั้งก่อนหน้านี้
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ขีดเส้นให้นักวิทยาศาสตร์คณะนี้ ศึกษารายละเอียดให้แล้วเสร็จภายในปี 2556
ตามกำหนดการปัจจุบัน การก่อสร้างเตาปฏิกรณ์ 2 หน่วยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรก ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้าหน่วยละ 1,000 เกมกะวัตต์ จะเริ่มขึ้นในปี 2557 นี้ โดยใช้เทคโนโลยีรัสเซียและโดยบริษัทรอสอะตอม (Rosatom) จากรัสเซียเป็นผู้ควบคุมดำเนินการ แต่ปัญหาด้านธรณีศาสตร์เกี่ยวกับที่ตั้ง ก็ไม่ใช่เพียงปัญหาเดียวที่เวียดนามกำลังเชิญอยู่ในขณะนี้
.
2
3
เวียดนามจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถึง 8 แห่งภายในปี 2574 โดยอาจจะต้องสร้างเตาปฏิกรณ์ถึง 16 หน่วย และรัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นจะช่วยก่อสร้างแห่งที่ 2 ซึ่งกำลังมีการศึกษาเช่นกัน
“เราจะสร้างอย่างแน่นอน แต่จะไม่รีบตราบใดที่การเตรียมความพร้อมหลักๆ ยังไม่แล้วเสร็จ การขาดเขินในเรื่องความปลอดภัยเป็นอันตรายอย่างยิ่งและโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ไม่ใช่อะไรที่จะทำกันเล่นๆ ได้” นายเจิ่นหือฟ้าต (Trần Hữu Phát) ประธานสมาคมปรมาณูเวียดนามกล่าวกับแถ่งเนียน
“ถ้าหากพบว่า แนวเลื่อนเหล่านี้คุกคามต่อความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่วางแผนเอาไว้ เราก็จะต้องเคลื่อนย้ายไปก่อสร้างในที่แห่งอื่น” นายเติ่น กล่าว
กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ออกใบอนุญาตการก่อสร้าง ได้ระบุในหนังสือเวียนฉบับหนึ่งที่เกี่ยวกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ว่า โครงการจะต้องเคลื่อนย้ายออกไปถ้าหากพบรอยแยกทางธรณีศาสตร์ภายในรัศมี 8 กม.จากจุดที่กำหนดให้เป็นที่ตั้ง หรือจนกว่าจะมีทางแก้ไขในเรื่องความปลอดภัย
“ก่อนจะถึงวันนี้ยังไม่เคยมีผู้เชี่ยวชาญคนใดพบแนวเลื่อนภายในรัศมีดังกล่าวมาก่อน” หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ ซึ่งรายงานเรื่องนี้ในขณะเดียวกันได้อ้างคำพูดของนายหวูวันจี๋ง (Vũ Văn Chính) แห่งสถาบันเทคโทนิคเวียดนาม
การศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้ได้ข้อสรุปว่า รอยเลื่อนของเปลือกโลกที่อยู่ห่างออกไป 100 กม. สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเวียดนามได้ถึง 5 ริกเตอร์ แต่จะไม่สามารถทำอันตรายโรงไฟฟ้าได้ เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถก่อสร้างให้รับแผ่นดินไหวได้ 7-8 ริกเตอร์ นายจี๋ง กล่าว
รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามนายหว่างจุงหาย (Hoàng Trung Hải ) ผู้รับผิดชอบด้านอุตสาหกรรมและการค้าของประเทศ กล่าวในรัฐสภาเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ว่า ในคริสต์ศตวรรษข้างหน้า เวียดนามก็ยังไม่สามารถหาพลังงานจากแหล่งใดทดแทนพลังงานจากปรมาณูได้ แต่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ก็ต่อเมื่อสามารถมั่นใจความปลอดภัยแล้วเท่านั้น
บทเรียนราคาแพงในญี่ปุ่น AFP, Reuters
4
5
6
7
8
9
เวียดนามกำลังเตรียมการอีกหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 1,000 คน เพื่อประจำการในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 1 แห่งตลอด 30 ปีข้างหน้า นอกจากนั้นยังจะต้องออกกฎหมายอีกนับสิบฉบับ ในการบริการจัดการโรงไฟฟ้าปรมาณู
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นซึ่งมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาก่อนใครๆ ในย่านนี้ และมีกฎหมายอย่างเพียงพอ ก็ไม่สามารถต่อกรกับภัยธรรมชาติได้ แผ่นดินไหวขนาด 9.0 วันที่ 11 มี.ค.ทำให้เกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ที่สุดของโลกในรอบ 25 ปี
ศ.ดร.ซาโตรุ ทานากะ แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวที่เข้าร่วมการประชุมสัมมนาวันที่ 18 ส.ค. กล่าวว่า ประสบการณ์ในญี่ปุ่น ทำให้เชื่อว่า ความโปร่งใสของโครงการในกระบวนการพัฒนาไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการที่จะได้รับความชื่อถือกับความเชื่อมั่นจากประชาชนเวียดนาม
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเวียดนาม ได้สร้างความกังวลใจให้แก่ไม่เพียงแต่ชาว จ.นีงทวน กับชาวเวียดนามทั่วไปเท่านั้น ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนไม่น้อยต่างรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
เมื่อครั้งที่เกิดอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้าที่ฟูกูชิมะไดอิชิในญี่ปุ่น โชคดีที่ “เมฆนิวเคลียร์” กับ “ฝนปรมาณู” ไม่ได้พัดขึ้นเหนือสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนบ้าน เนื่องจากถูกกระแสลมพัดลงใต้สู่มหาสมุทรแปซิฟิก แต่อุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าเวียดนาม สามารถส่งทั้งเมฆและฝนปรมาณูออกแผ่คลุมเหนือประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ทั้งหมด ตามทิศทางเคลื่อนตัวของพายุ
ในแต่ละปีจะมีพายุความแรงระดับไต้ฝุ่นพัดจากทะเลจีนใต้เข้าฝั่งเวียดนาม 8-10 ลูก ส่วนหนึ่งพัดเข้าภาคเหนือ ส่งผลกระทบถึงตอนเหนือของลาว ไทย และ พม่า รวมทั้งมณฑลหยุนหนันของจีน บางลูกพัดเข้าภาคกลาง ผ่านเข้าสู่ภาคใต้ของลาว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกัมพูชา
หลายลูกที่พัดเข้าภาคกลางเวียดนาม ได้พัดผ่านเข้าสู่ภาคกลาง และภาคใต้ของลาว และทะลุเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยมาแล้วเช่นกัน