เอเอฟพี - กัมพูชาเดินหน้าแก้ปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับการขับไล่ผู้คนออกจากพื้นที่บริเวณทะเลสาบในเมืองหลวง หลังธนาคารโลกระงับการกู้ยืม เนื่องจากปัญหาดังกล่าว
นายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ของกัมพูชา กล่าวว่า ประชาชนที่ปฏิเสธจะย้ายออกจากบริเวณทะเลสาบบึงกาก เพื่อเปิดทางให้บริษัทเอกชนเข้าพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ยังสามารถอาศัยอยู่ต่อไปได้บนพื้นที่ที่กำหนดไว้ขนาด 74.64 ไร่
ข้อเสนอที่มีขึ้นนี้ สามารถช่วยครอบครัวราว 1,000 ครอบครัว ให้พ้นจากการถูกไล่ที่ โดยข้อเสนอดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังธนาคารโลกประกาศจะงดให้กัมพูชากู้ยืมเงินก้อนใหม่ จนกว่ารัฐบาลจะหาทางแก้ไขให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณทะเลสาบ
ส่วนพื้นที่ที่เหลืออยู่ราว 756 ไร่ ยังคงเป็นของบริษัทที่บริหารโดยนักการเมืองของพรรครัฐบาล ที่กำลังถมทะเลสาบเพื่อสร้างอพาร์ตเมนต์และร้านค้า
กลุ่มคุ้มครองสิทธิด้านที่อยู่อาศัย ระบุว่า การประนีประนอมนี้มาช้าเกินไปสำหรับครอบครัวมากกว่า 3,000 ครอบครัวที่ย้ายออกไปก่อนหน้า หลังเห็นบ้านของตัวเองท่วมไปด้วยโคลนและยอมรับเงินชดเชยจำนวนนล็กน้อยที่ถูกเสนอให้
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอล่าสุดก็สร้างความยินดีให้กับประชาชนที่ยังคงยืนหยัดและรวมตัวประท้วงอยู่หลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เรียกร้องแหล่งที่อยู่อาศัย หรือเงินชดเชยที่ดีกว่า
“เรายินดีมากกับข้อเสนอนี้ ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและกังวล เพราะการประท้วงที่ผ่านมาไม่เคยประสบความเร็จเลย” นาย Doung Kea อายุ 43 ปี อาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบมานานกว่าทศวรรษ กล่าว
นาย Sia Phearum เลขาธิการผู้อำนวยการกลุ่มคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้านที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ข้อเสนอของฮุนเซนนั้นฉลาดและชัดเจนในการแก้ปัญหากรณีทะเลสาบบึงกาก แต่ก็ระบุว่า รายละเอียดเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยแห่งใหม่จำเป็นต้องเจรจาให้ชัดเจนระหว่าง จ้าหน้าที่กรุงพนมเปญ ผู้อยู่อาศัยและผู้พัฒนาโครงการ คือ บริษัท Shukaku Inc.
นาย Phearum ยกย่องผู้อยู่อาศัยที่ยืนหยัดต่อสู้ในความขัดแย้งนี้ และว่าแรงกดดันจากธนาคารโลกก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน
ธนาคารโลกยอมรับในเดือน มี.ค.ว่า ธนาคารล้มเหลวที่จะคุ้มครองผู้อยู่อาศัยบริเวณทะเลสาบขณะที่ธนาคารทำงานในโครงการที่ดินในกัมพูชาเมื่อหลายปีก่อน และเสนอที่จะช่วยเหลือรัฐบาลแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ปัญหาที่ดินยังคงเป็นปัญหาหลักของกัมพูชา และรัฐบาลกัมพูชาต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสหประชาชาติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับการบังคับให้ผู้คนจำนวนหลายหมื่นคนที่ส่วนมากเป็นคนยากจนย้ายที่อยู่อาศัย
