ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายบารัค โอบามา บอกกับเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำกรุงวอชิงตันดี.ซี.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า มีความประสงค์จะไปเยือนเวียดนามในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งยังชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ที่พัฒนาไปในหลายด้าน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความพึงพอใจความสัมพันธ์ 2 ฝ่ายที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 16 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า ความมั่นคงปลอดภัย สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งการรณรงค์ต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์ด้วย นายเหวียนก๊วกเกือง เอกอัครราชทูตเวียดนาม กล่าว
นายเกือง ได้รับแต่งตั้งจากประธานาธิบดี เหวียนมีงเจี๊ยต ให้ดำรงตำแหน่งต่ออีกสมัย และ เข้ายื่นสาสน์ตราตั้งต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์ไซ่ง่อนเตี๊ยบถิ (Sài Gòn Tiếp Thị ) ข่าวสารด้านการตลาดที่ออกในนครโฮจิมินห์ กล่าว
นายโอบามา บอกกับเอกอัครราชทูตเวียดนาม ว่า สองประเทศควรจะผดุงความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และพัฒนาไปสู่การเป็นหุ้นส่วนกันเพื่อผลประโยชน์ด้านเสถียรภาพและความเจริญผาสุกในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
นายเกือง ยังบอกหนังสือพิมพ์ฉบับนี้อีกว่า ภารกิจสำคัญในสมัยที่ 2 นี้ คือ การดำเนินการเพื่อก่อตั้งการเป็นพันธมิตรยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามและสหรัฐฯ ถึงแม้จะมีความยุ่งยากในหลายเรื่องก็ตาม รวมทั้งจุดยืนที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนด้วย
สายสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐฯ พัฒนาไปอย่างใกล้ชิดในปัจจุบัน โดยเริ่มจากความร่วมมือด้านมนุษยธรรมเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ในการค้าหาทหารอเมริกันที่สูญหายในช่วงสงครามเวียดนาม ปัจจุบันสองฝ่ายกำลังกระชับความร่วมมือในเรื่องการเก็บกู้สารเคมี “ฝนเหลือง” ที่ยังตกค้างในเวียดนามและหาทางช่วยเยียวยาผู้ประสบเคราะห์
เวียดนามกับสหรัฐฯ ยังมีความร่วมมืออีกหลายด้าน รวมทั้งการท่องเที่ยว การบิน การป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การต่อต้านการนก่อการร้ายและความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์ด้วย เอกอัครราชทูตเวียดนาม กล่าว
ปัจจุบันสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม
นายโอบามา เคยประกาศแผนการเยือนบางประเทศในเอเชียเมื่อปีที่แล้ว รวมทั้งอินโดนีเซีย แต่ได้เลื่อนออกไป