ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- หลังจากมีการเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรยุทธศาสตร์กัน เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ทางการญี่ปุ่นเริ่มรุกคืบเข้าลงทุนก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในเวียดนามอย่างเป็นรูปธรรม โดยงานแรกทางการได้สนับสนุนให้กลุ่มทุนใหญ่ของเอกชน เข้าประมูลก่อสร้างและบริหารรถไฟฟ้าใต้ดินบนดินสายหนึ่งในกรุงฮานอย ที่คาดว่า จะต้องใช้ทุนก่อสร้างกว่า 600 ล้านดอลลาร์
บริษัทที่ชนะการประกวดราคาจะได้รับเงินทุนอุดหนุนช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น ในรูปแบบ ODA (Official Development Assistance) หรือ เงินช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล
รัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมจะให้บริษัทเอกชนกู้เงิน 150 ล้านเยน หรือ 1.8 ล้านดอลลาร์ ในการสำรวจศึกษาความเป็นไปได้โครงการรถไฟฟ้าระยะทาง 30 กม.ระหว่างใจกลางกับย่านรอบนอกของเมืองหลวง และให้กู้มากกว่านั้่นหากได้รับสัมปทานโครงการขนส่งมวลชนที่มีมูลค่า 607 ล้านดอลลาร์ สำนักข่าวเวียดนาม กล่าว
รัฐบาลยังเปิดกว้างให้บริษัทเอกชนที่ชนะการประกวดราคา สามารถกู้ยืมจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ “เจบิก” อีกด้วย หากต้องการ วีเอ็นเอ กล่าว
กลุ่มอิโตชู (Itochu Corp) บริษัท กาตาฮิระเอ็นจิเนียริง อินเตอร์เนชั่นแนล และ บริษัท เซ็นทรัลนิปปอนเรลเวย์ เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่จะเข้าร่วมประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าฮานอย อีกหลายบริษัทกำลังดำเนินการเพื่อประกวดราคาโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะเพื่อนำไปผลิตปุ๋ยชีวภาพและผลิตเชื้อเพลิง ที่คาดว่าจะใช้ทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์
สื่อในญี่ปุ่นกล่าวก่อนหน้านี้ ว่า ถ้าหากบริษัทเอกชนญี่ปุ่นสามารถชนะการประกวดราคาโครงการเหล่านี้ได้ ก็จะเป็นการเปิดทางให้เข้าไปลงทุนในเวียดนามได้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
ในความตกลงการเป็นพันธมิตรยุทธศาสตร์เมื่อปีที่แล้ว ญี่ปุ่นยังให้คำมั่นจะช่วยเวียดนามก่อสร้างระบบรถหัวกระสุนชินคันเซ็นแบบเดียวกับในญี่ปุ่น เพื่อเชื่อมภาคเหนือกับภาคใต้ รวมทั้งจะช่วยเวียดนามก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งที่ 2 และ สร้างสนามบินใหญ่ลองแถ่ง สนามบินขนาดใหญ่ในภาคใต้อีกด้วย
ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นจะร่วมทุนกับเวียดนาม เพื่อผลิตและนำเอาแร่หายากหลายชนิดที่เรียกว่า “แรร์เอิร์ธ” (Rare Earth) ขึ้นมาใช้ประโยชน์ แร่หายากเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูงต่างๆ
ความเคลื่อนไหวเพื่อผลิตแรร์เอิร์ธในเวียดนาม มีขึ้นหลังจากญี่ปุ่นมีความบาดหมางกับจีนเกี่ยวกับน่านน้ำ และบางเกาะในเขตทะเลญี่ปุ่น ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างเป็นเจ้าของ และญี่ปุ่นกล่าวว่า จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกแร่หายากรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่งออกให้ญี่ปุ่นน้อยลงหลังความบาดหมางดังกล่าว
สำหรับรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายเหนือ-ใต้ ในเวียดนามนั้น มีความจำเป็นยิ่งยวด ถึงแม้ว่าโครงการของรัฐบาลจะถูกรัฐสภาลงมติคว่ำไปเมื่อปีที่แล้วก็ตาม
การที่จีนตัดสินใจสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงผ่านลาวเพื่อเชื่อมทะลุไปยังมาเลเซีย กับสิงคโปร์ โดยไม่ผ่านเวียดนามนั้น ยิ่งทำให้เวียดนามต้องพึ่งพาญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านเงินทุนและเทคโนโลยี