เอเอฟพี - ทางการเวียดนาม ระบุวานนี้ (24 พ.ค.) ว่า อัตราเงินเฟ้อในประเทศพุ่งขึ้นเกือบ 20% ในเดือน พ.ค.นี้ เพิ่มแรงงานกดดันให้กับผู้บริโภคที่ต้องเผชิญกับราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น
สำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของเวียดนามในเดือนพฤษภาคมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 19.78% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2553
อัตราเงินเฟ้อในประเทศเพิ่มขึ้นทุกเดือนตั้งแต่เดือน ส.ค.2553 เป็นต้นมา แต่ยังคงต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อเมื่อเดือน ส.ค.2551 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 28.3% และสหประชาชาติในเวียดนามกล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ว่า เวียดนามเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในโลกซึ่งส่งผลให้ความยากจนเพิ่มมากขึ้น โดยมีราคาอาหารเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูง
รัฐบาลเวียดนามประกาศว่า การต่อสู้กับเงินเฟ้อ คือ ภารกิจสำคัญที่ต้องจัดการเป็นอันดับแรก โดยรัฐบาลได้ดำเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดและกำหนดเป้าหมายเพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพให้เศรษฐกิจเมื่อเผชิญสิ่งท้าทาย เช่น ปัญหาค่าเงินผันผวน และการขาดดุลการค้า และหนึ่งในเป้าหมายของรัฐบาลคือต้องการให้ธนาคารพาณิชย์รักษาการเติบโตการให้สินเชื่อหรือกู้ยืมต่ำกว่า 20% ในปีนี้ และลดการลงทุนสาธารณะ
“นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมาก” นายวิษณุ วาราธาน นักเศรษฐศาสตร์บริษัทที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจในสิงคโปร์ กล่าว และว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงสุดในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย คาดว่า จะเกิดตามมาเช่นกัน ทั้งที่รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าให้ตลอดทั้งปีมีอัตราเงินเฟ้อที่ 7% เท่านั้น