(ปรับปรุงเนื้อหาครั้งที่ 1 เพิ่มย่อหน้าที่ 7-11 เวลา 23.46 น. 27 เม.ย.2554)
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุนเซน ได้เรียกร้องวันพุธ 27 เม.ย.นี้ ให้มีการหยุดยิงระหว่างกัมพูชา กับไทย ขณะที่การสู้รบดำเนินมาเป็นวันที่ 6 ทหารสองฝ่ายเสียชีวิต 14 คน ทั้งยังระบุด้วยว่า พร้อมจะพบเจรจากับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำของไทยในการกระชุมผู้นำอาเซียน ที่จะจัดขึ้นต้นเดือนหน้าในกรุงจาการ์ตา
ฮุนเซน เรียกร้องดังกล่าวในการให้สัมภาษณ์หลังการประชุมประจำปีสมาคมสตีเพื่อสันติภาพและพัฒนากัมพูชา ในกรุงพนมเปญ
การเรียกร้องหยุดยิงยังมีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกคำแถลงฉบับหนึ่งในวันอังคาร ระบุว่า พล.อ.เตียบัญ รมว.กลาโหม พร้อมจะพบเจรจากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในวันพุธนี้ “ตามคำร้องของ” ของฝ่ายไทย ระหว่างพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวทำให้ฝ่ายทหารของไทยประกาศยกเลิกการพบปะในวันเดียวกัน
“กัมพูชาขอเรียกร้องให้หยุดยิง” ฮุนเซนกล่าวระหว่างปราศรัยในงานเดียวกัน
“กัมพูชาปรารถนาที่จะแก้ปัญหาอย่างสันติด้วยการพูดคุย” ฮุนเซนกล่าวด้วยอาการฉุนเฉียว
"เราเป็นประเทศเล็ก เราไม่สามารถสู้กับประเทศใหญ่กว่าเช่นไทยได้ โลกสามารถตัดสินเรื่องนี้ได้" ฮุนเซนกล่าวในตอนหนึ่ง
ท่าทีของผู้นำกัมพูชาในวันพุธนี้เปลี่ยนไปจากเพียง 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่เคยประกาศด้วยความมั่นใจว่า ไม่กลัวประเทศไทย หากเครื่องบินบินล้ำแดนจะยิงด้วยขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน และหากโจมตีกัมพูชา ก็จะฟ้องสหประชาชาติในทันที ฯลฯ
ท่าทีของฮุนเซนเปลี่ยนไปมากหาเทียบกับก่อนการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนในกรุงจาการ์ตาวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งพนมเปญแสดงอาการลิงโลด ที่สามารถกดดันรัฐบาลไทยให้เดินทางตามเกมให้คณะสังเกตการณ์จากอินโดนีเซียเข้าประจำในพื้นที่ ในขณะที่กัมพูชายังคงยึดครอง 4.6 ตารางกิโลเมตรดินแดนพิพาทรอบๆ ปราสาทพระวิหาร
ท่าทีของฮุนเซนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หลังจากที่เคยประกาศจะไม่มีการเจรจาทวิภาคีกับไทย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องใดนอกจากเกี่ยวกับเศรษฐกิจการค้า แม้ระหว่างการปะทะระลอกล่าสุด ยังสั่งมิให้ผู้บังคับบัญชาของทหารในระดับท้องถิ่นเจรจาใดๆ กับฝ่ายไทย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศไทยเป็นผู้เปิดเผยเรื่องนี้
ฮุนเซนยังยืนยันท่าที "ไม่เจรจาทวิภาคี" มาจนถึงวันจันทร์ 25 เม.ย.เป็นอย่างน้อย เมื่อ พล.อ.เตียบัญ รมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ในกรุงพนมเปญ จะไม่เจรจากับไทยเนื่องจากไม่มีความจริงใจ และการเจรจาสองฝ่ายไม่เคยประสบผลสำเร็จ
วันนี้ทั้งเตียบัญและฮุนเซน หันมาพูดถึงการหยุดยิง และ พร้อมจะพบปะกับนายกฯ และ รมว.กลาโหมของไทย
อย่างไรก็ตามก่อนจะถึงประโยคเรียกร้องให้หยุดยิงในวันพุธนี้ ผู้นำกัมพูชาได้บริภาษ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นรม.ของไทยว่าเป็น “ขโมย” และ รัฐบาลไทยได้ทำการ “ก่อการร้าย” แต่ก็พร้อมจะพบเจรจาแบบตัวต่อตัวกับผู้นำของไทย ระหว่างประชุมผู้นำอาเซียน 7-8 พ.ค.ศกนี้
ก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อย ฮุนเซนได้ขู่ว่าหากไทยปิดด่านชายแดนก็จะให้กัมพูชาเลิกซื้อสินค้าจากไทยทั้งหมด โดยมีสินค้าจากแหล่งอื่นทดแทนได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเวียดนามและสินค้าจีน ทั้งยังกล่าวอ้างด้วยว่า ขณะเกิดการปะทะไทยได้ตัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งจำหน่ายให้แก่กัมพูชาอีกด้วย
การปราศรัยอย่างเผ็ดร้อนของฮุนเซน และการกล่าวถึงการปะทะของทหารสองฝ่ายยังมีขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ความรุนแรงได้เริ่มขึ้นรอบใหม่ในวันศุกร์ 22 เม.ย.
.
.
การออกขู่จะเลิกซื้อสินค้าไทยมีขึ้น 1 วันหลังจากสภาหอการค้าไทยออกเรียกร้องมิให้รัฐบาลตัดไฟฟ้า มิให้ปิดด่านชายแดน และ ให้แยกประเด็นความมั่นคงแห่งชาติกับการค้าออกจากกัน นอกจากนั้นยังมีขึ้น 1 วันหลังจากคณะรัฐมนตรีของไทยกล่าวจะทบทวนความร่วมมือต่างๆ กับกัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อปี 2552 ฮุนเซนได้ประกาศยกเลิกโครงการช่วยเหลือต่างๆ จากประเทศไทยทั้งหมดและกล่าวในวันพุธนี้ว่ากัมพูชาเตรียมพร้อมรับมือกับไทยทุกรูปแบบอยู่แล้ว
อาการฉุนเฉียวของผู้นำยังสะท้อนผ่านคำแถลงของโฆษกกระทรวงกลาโหมกับโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาในวันนี้ ที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงและร้อนรนแบบ “เก็บอาการไม่อยู่”
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งว่า ข้อเสนอของโฆษกรัฐบาล เมื่อวันอังคารเท่ากับเป็นการเตรียม “ประกาศสงคราม” กับกัมพูชา
คำแถลงหมายถึงกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร ให้สัมภาษณ์ในกรุงเทพฯ หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า กัมพูชาจะต้องถอนทหารออกจากปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ ไทยจึงจะยอมรับให้คณะสังเกตการณ์จากอินโดนีเซียเข้าปฏิบัติงานพื้นที่
ขณะเดียวกันโฆษกกระทรวงกลาโหมได้ออกคำแถลงปฏิเสธที่ฝ่ายไทยกล่าวว่า กัมพูชายิงจรวดและปืนใหญ่เข้าใส่หมู่บ้านราษฎรไทยตามแนวชายแดน และโต้ตอบว่ามีแต่ทหารไทยที่ทำเช่นนั้น ฝ่ายกัมพูชาไม่เคยกระทำการที่ “ขี้ขลาด” ทั้งยังปฏิเสธอีกว่าไม่เคยใช้โบราณสถานเป็นที่หลบซ่อนหรือใช้ประโยชน์เพื่อการทหาร
อย่างไรก็ตามหลักฐานภาพถ่ายจากเหตุการณ์การปะทะที่ชายแดนด้านปราสาทพระวิหารเมื่อต้นเดือน ก.พ.ปีนี้ กลับแสดงให้เห็นเป็นตรงกันข้าม
นอกจากนั้นภาพถ่ายจากสำนักข่าวต่างๆ ยังได้แสดงให้เห็นบ้านเรือนของราษฎรไทยหลายหลังคาได้รับความเสียหายหนัก จากการปะทะรอบใหม่นี้ ซึ่งไทยกล่าวว่าทหารกัมพูชายิงจรวด BM21 ที่ไม่มีระบบนำวิถีหมู่เข้าใส่หมู่บ้านโดยไม่จำแนกเป้าหมาย บ้านเรือนของราษฎรไทยอีกจำนวนหนึ่งได้รับความเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่
โฆษกกองทัพบกไทย พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด กล่าวว่า ทหารไทยโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันตามหลักการตอบโต้ทั่วไปเมื่อข้าศึกยิงมาจากทางใดก็จะต้องยิงสวนกลับไปทางนั้น
ส่วนกรณีที่ผู้นำกัมพูชาเสนอพบเจรจา นายกรัฐมนตรีของไทยกล่าวในวันเดียวกันว่า ยินดีที่จะพบผู้นำกัมพูชาเพื่อ หาทาง “ยุติการใช้ความรุนแรง”
“ถ้าหากเขาต้องการเจรจา สิ่งที่ง่ายที่สุดก่อนอื่นคือหยุดการโจมตีและหันมาคุยกันในกรอบท่ามีอยู่แล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร.