ผู้จัดการ360องศารายสัปดาห์-- ปีใหม่ 2553 เป็นปีที่เวียดนามแอร์ไลน์ สยายปีกออกกว้างขึ้น เนื่องจากจะได้รับมอบเครื่องบินใหม่ถึง 16 ลำ ทั้งหมดเป็นเครื่องแอร์บัส A321 จากผู้ผลิตเครื่องบินค่ายยุโรป ขณะเดียวกันก็รอการยืนยันจากผู้ผลิตค่ายสหรัฐฯ เกี่ยวกับการส่งมอบโบอิ้ง 787 "ดรีมไลเนอร์" 4 ลำแรก
เครื่องบินใหม่ทั้ง 16 ลำ จะทำให้สายการบินแห่งชาติเวียดนามขยายเส้นทางบินใหม่ๆ เชื่อมอนุภูมิภาคได้อีกมากมาย ทำให้สามารถใช้เครื่องบินโดยสารพิสัยทำการระยะปานกลางและไกลที่มีอยู่คือ แอร์บัส A330 กับโบอิ้ง 777 ในการบินข้ามทวีปได้เต็มกำลัง เนื่องจากไม่ต้องผันไปใช้บินในประเทศ ที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นอีกด้วย
นอกจากจะขยายเส้นทางบินในประเทศเพิ่มได้แล้ว แอร์บัส A321 ลอตใหม่ยังจะทำให้สามารถเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินที่ให้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์มากๆ ได้อีกด้วย เจ้าหน้าที่ของเวียดนามแอร์ไลน์กล่าว
ตามตัวเลขที่แถลงในปลายเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยเครื่องบินทุกชนิดที่มีอยู่จำนวน 58 ลำ ปี 2552 สายการบินเวียดนามขนส่งผู้โดยสารได้จำนวน 9.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.7% จากปีที่แล้ว ในนั้นกว่า 6 ล้านคนเป็นผู้โดยสารในประเทศ เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2551 อีก 3.14 ล้านคนเป็นผู้โดยสารจากต่างประเทศ
ทั้งหมดนี้ได้เผยให้เห็นศักยภาพอุตสาหกรรมการบินในประเทศนี้ ในปีที่ทั้งโลกต่างซมด้วยพิษเศรษฐกิจถดถอย
แต่ใช่จะมีแต่ข่าวดีไปทั้งหมดปีผลประกอบการปี 2552 มีมูลค่าเพียง 23.74 ล้านล้านด่ง หรือ ประมาณ 1,280 ล้านดอลลาร์ เป็นกำไรก่อนหักภาษีรวม 150,000 ล้านด่ง หรือ 8.12 ล้านดอลลาร์เท่านั้น เทียบกับผลประกอบการในปี 2551 ซึ่งมีจำนวน 26.6 ล้านล้านด่ง
ปี 2553 ยังเป็นปีแรกในแผนพัฒนายกระดับสายการบินแห่งชาติให้เป็นสายการบินใหญ่อันดับต้นๆ ในภูมิภาค คือระหว่างปี 2553-2558 ซึ่งจะมีเครื่องบินในฝูงเพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 104 ลำ และ เป็น 150 ลำในปี 2563 หรือ 10 ปีข้างหน้า
นอกจากนั้น 2553 ยังเป็นปีที่เวียดนามแอร์ไลน์จะเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตร "สกายทีม" (SkyTeam) ที่ใช้รหัสจำหน่ายตั๋วและระบบสำรองที่นั่งร่วมกัน ซึ่งในปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 11 สายการบิน กับอีก 3 สมาคมการบิน และยังเป็นปีที่จะต้องเปิดเที่ยวบินไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงเหนืออีกหลายปลายทางทั้งในจีน เกาหลีและญี่ปุ่น
เหนือสิ่งอื่นใด ปี 2553 ยังเป็นปีขีดหมายสำคัญที่จะต้องเปิดเที่ยวบินเชื่อมสหรัฐฯ กับทวีปอเมริกาเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี นับตั้งแต่สงครามได้ยุติลง เวียดนามแอร์ไลนส์ได้เลื่อนแผนการนี้มาตั้งแต่ปี 2548 และ ได้เตรียมการ ได้เข้าร่วมปฏิบัติกฎแห่งความปลอดภัยตามมาตรฐานขององค์การบริหารการบินพลเรือนสหรัฐฯ มาครบถ้วน
แต่การเปิดเที่ยวบินประวัติศาสตร์ไปยังสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับมอบเครื่องโบอิ้ง 787 จำนวน 4 ลำที่สั่งซื้อในปี 2548 ซึ่งบริษัทผู้ผลิตควรจะส่งมอบลำแรกให้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปีที่แล้ว
ในเดือน ธ.ค.2550 สายการบินเวียดนามได้เซ็นสัญญาซื้อแอร์บัส A350-900XWB (Extra Wide Body) จำนวน 10 ลำ กับ A321-200 อีก 20 ลำ ในนั้น 10 ลำซื้อโดยบริษัทเช่า VALC (Vietnam Aircraft Leasing Co) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เวียดนามแอร์ไลนส์ถือหุ้นใหญ่ร่วมกับธนาคารของรัฐแห่งหนึ่ง บริษัทประกันภัย กับบริษัทหลักทรัพย์อีกแห่งหนึ่ง
ในงานปารีสแอร์โชว์เดือน มิ.ย.2552 สายการบินเวียดนามได้เซ็นสัญญาซื้อ A321-200 เพิ่มอีกรวดเดียวจำนวน 16 ลำ และ สั่งซื้อ A350-900XWB เพิ่มอีก 2 ลำ รวมมูลค่าเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์
ตามรายงานของสื่อทางการก่อนหน้านี้ ผู้ผลิตค่ายยุโรปยังจะต้องส่งมอบ A321-200 ที่ตกค้างจากการสั่งซื้อในปี 2548ให้แก่เวียดนามจำนวน 4 ลำ ระหว่างเดือน ก.ค.2552 ถึงต้นปี 2553 นี้
ผู้บริหารของเวียดนามแอร์ไลนส์เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ตั้งแต่เดือน ก.พ.ปีนี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นปี จะเป็นช่วงที่สายการบินแห่งชาติเริ่มผ่องถ่ายเครื่องบินพิสัยการบินระยะใกล้-ปานกลางแบบ ATR72-200 กับ ATR-72-500 ที่มีอยู่ในฝูงจำนวน 13 ลำออกไปทั้งหมด หลังจากใช้งานมานานหลายปี และ จะถูกแทนที่ด้วย ATR72-500 รุ่นใหม่ล่าสุด
เวียดนามเซ็นสัญญาซื้อ ATR72-500 เพิ่มอีกจำนวน 2 ลำระหว่างงานปารีสแอร์โชว์ 2552 หลังจากซื้อรุ่นเดียวกันสองครั้งก่อนหน้านั้นในปี 2551 จำนวน 11 ลำ กลายเป็นทั้งหมด 13
ปัญหาสำคัญในปีนี้จึงเป็นเรื่องการส่งมอบเครื่อง 787 ของผู้ผลิตค่ายสหรัฐฯ ซึ่งนับตั้งแต่ได้นำเครื่องบินต้นแบบออกอวดโฉมที่โรงงานประกอบเมืองเอฟเวอเร็ต (Everett) มลรัฐวอชิงตัน ในเดือน ก.ค.2550 บริษัทโบอิ้งยังไม่เคยนำขึ้นบินทดสอบเลยสักครั้งและเลื่อนมาหลายครั้ง
ตามกำหนดการที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุดโบอิ้งจะต้องนำ "ดรีมไลเนอร์" ขึ้นทดลองบินในเดือน ก.พ.ปีนี้ แต่ข่าววงในอุตสาหกรรมกล่าวว่า งานนี้อาจจะต้องเลื่อนออกไปอีกโดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุ
ผู้บริหารสายการบินเวียดนามกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ก่อนหน้านี้ว่า การส่งมอบที่ล่าช้าของโบอิ้งทำให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจอย่างมากมาย และ ส่งผลกระทบต่อแผนธุรกิจกับแผนพัฒนาต่างๆ อย่างใหญ่หลวง
ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาเวียดนามแอร์ไลนส์กับบริษัทลูกได้เซ็นซื้อโบอิ้ง 787 ไปจำนวน 16 ลำ และในเดือน พ.ย.2552 สายการบินแห่งนี้ยังส่งท้ายปีด้วยการเซ็นซื้อแอร์บัส A380 เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีก 1 ฝูง ทั้งนี้เพื่อสนองยุทธศาสตร์การสยายปีกกว้าง ขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ในเอเชีย.