ASTVผู้จัดการรายวัน/ไซ่ง่อนหยายฟง-- วีนาฟู้ด 2 (Vinafood 2) บริษัทผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของเวียดนาม กำลังเจรจากับทางการฟิลิปปินส์เพื่อขายข้าวลอตใหญ่ 600,000 ตัน สำหรับส่งมอบปีหน้า ซึ่งถ้าหากประสบความสำเร็จก็จะทำให้เวียดนามครองตลาดประเทศที่นำข้าวมากที่สุดของโลกต่อไปอีกปี
ผู้บริหารของวินาฟู้ด 2 กล่าวว่า พร้อมจะจัดหาข้าวให้ฟิลิปปินส์ได้ทันที่ถ้าหากได้ราคาทีเหมาะสม และจะไม่ทำให้เกิดความขาดแคลนภายในประเทศ ขณะที่ราคาจำหน่ายปลีกสำหรับการบริโภคของครัวเรือนต่างๆ เริ่มขยับตัวสูงขึ้น ขณะที่หน่วยงานต่างประเทศคาดว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นอีกในช่วงต้นปีหน้าเนื่องจากอินเดียได้ประกาศแผนการที่จะนำเข้าข้าวทั้งหมด 3 ล้านตันในปี 2553
นายเหวียนเถาะจี๊ (Nguyen Tho Tri) รองผู้อำนวยการใหญ่บริษัทวีนาฟู้ด2 ซึ่งดำเนินการโดยรัฐ กล่าวว่า เวียดนามมีศักยภาพที่จะสามารถขายข้าวให้กับอินเดียได้ และเวียดนามจะเอาชนะการประมูลได้ด้วย
นายจี๊กล่าวว่า ในการสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เทยบ่าวกิงเตไซ่ง่อน (Thoi Bao Kinh Te Saigon) หรือ "ข่าวเศรษฐกิจไซ่ง่อน" ว่า 2 เดือนที่ผ่านมา เวียดนามได้ประมูลขายข้าวให้ฟิลิปปินส์ไปทั้งหมด 4 ครั้ง ครั้งแรกในวันที่ 4 พ.ย. เวียดนาม ขายได้ครึ่งหนึ่งของที่ฟิลิปปินส์ต้องการ
ในการประมูลครั้งที่ 2 และ 3 เวียดนามยังคงเสนอประมูลในปริมาณครึ่งหนึ่งของที่ฟิลิปปินส์ต้องการคือ ที่ 300,000 ตัน จาก 600,000 ตัน และในการประมูลครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. เวียดนามได้เสนอขายข้าว 600,000 ตัน ในราคา 664.9 ดอลลาร์ต่อตัน สูงขึ้น 15 ดอลลาร์จากที่เสนอก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์
"เวียดนามมีข้าวปริมาณมากเพียงพอ และ เกษตรกรจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวในช่วงฤดูกาลผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นฤดูกาลปลูกข้าวรุ่นแรกของปี เราจะมีข้าวมากกว่า 3 ล้านตันในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ซึ่งนับว่าเป็นช่วงที่ประเทศมีข้าวมากที่สุด ทำให้เราสามารถขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์มากเท่าที่เขาต้องการได้" นายจี๊กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญบางคนเตือนว่า เวียดนามจะสูญเสียเม็ดเงินถ้าหากขายข้าวไปในเป็นจำนวนมากในตอนนี้ เนื่องจากราคาในตลาดโลกมีโอกาสจะสูงขึ้นอีก โดยราคาเฉลี่ยของเวียดนามในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 445 ดอลลาร์ต่อตัน ในขณะที่ราคาประมูลนั้นกระโดดขึ้นไปเป็น 650 ดอลลาร์ต่อตันในขณะนี้
อย่างไรก็ตามนายจี๊กล่าวว่า ราคาส่งออกข้าวภายใต้สัญญาการค้ากับราคาส่งออกข้าวที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงจากการประมูลแตกต่างกัน เพราะราคาส่งออกประเภทหลังรวมค่าจัดส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย ในขณะที่ประเภทแรกเป็นราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว
ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้เวียดนามส่งออกข้าวไปแล้วทั้งหมด 5.7 ล้านตัน ทำเงินได้ 2,535 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% ในด้านปริมาณ และลดลง 6.6% ในด้านรายได้
นายจี๊ไม่ได้คิดว่าราคาข้าวจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าเพราะตลาดโลกในตอนนี้ยังคงนิ่งอยู่ และบริษัทจากเวียดนามเองก็ประสบความสำเร็จในการลงนามข้อตกลงขายข้าวกับอินเดียเพื่อสำรองในคลังของประเทศ รองรับประชากรกว่าหนึ่งพันล้านคน
สมาคมอาหารเวียดนามกล่าวก่อนหน้านี้ว่า พร้อมจะเจรจาขายข้าวให้แก่ฟิลิปปินส์อีก 1.5 ล้านตันสำหรับปี 2553
ในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย.ที่ผ่านมาส่งออกข้าวได้ทั้งหมด 5.6 ล้านตัน และ ยังมีสัญญาที่จะต้องส่งมอบอีก 1.1 ล้านตันในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้ข้าวส่งออกในปี 2552 มีปริมาณทั้งหมด 6.7 ล้านตัน มากเป็นประวัติการณ์.