ASTVผู้จัดการรายวัน-- เป้าหมายส่งออกข้าว 6 ล้านตันที่ทุกฝ่ายอยากจะเห็นในปีนี้เหลืออยู่อีกไม่ไกล ในขณะที่ตลาดโลกยังไร้คู่แข่งและราคาจำหน่ายยังอยู่ในระดับดี เนื่องจากไทยยังไม่สามารถส่งออกได้ในช่วงเดือนที่ผ่านมาและเชื่ออีกว่าจะยังไม่มีการส่งออกในเดือนนี้ เช่นเดียวกันกับข้าวอินเดียที่ยังคงรีรอตรวจสอบให้มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลอดในประเทศ
ตามตัวเลขของสมาคมอาหารเวียดนาม จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมามีการส่งมอบข้าวไปแล้ว 3.8 ล้านตัน ยอดเซ็นซื้อขายพุ่งเฉียด 5 ล้านตัน ในขณะที่ยังเหลือเวลาอีก 4 เดือนกว่าจะสิ้นปี และ ตลาดใหญ่หลายแห่งยังมีความต้องการข้าว
ตามตัวเลขขององค์การอาหารแห่งชาติฟิลิปปินส์ (National Food Agency of the Philippines) ซึ่งปีนี้ซื้อข้าวจากเวียดนามไปแล้ว 1.5 ล้านตัน กำลังจะมีการนำข้าวอีก 350,000 ตันในเร็วๆ นี้ ขณะที่หลายประเทศในแอฟริกากำลังมองหาข้าวอีกราว 400,000 ตัน
ข้าวที่ส่งมอบแล้วจำนวน 3.8 ล้านตัน ในครึ่งแรกของปีคิดเป็นอัตราเพิ่ม 57% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ทำรายได้ 1,800 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเช่นกัน ทั้งนี้เป็นรายงานของวีเอ็นเอ (VNA) สำนักข่าวของรัฐบาล
เมื่อไทยกับอินเดียยังไม่ส่งออกข้าว ราคาในตลาดโลกจึงยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับข้าวจากเวียดนาม ถึงแม้ว่าหลายประเทศจะยังรอข้าวไทยอยู่ก็ตาม
ทางการเวียดนามได้เร่งเร้าให้ผู้ค้าและผู้ส่งออกรีบออกหาลูกค้าใหม่ๆ ในต่างแดน เพื่อใช้สถานการณ์เช่นนี้ในตลาดโลกให้ได้ประโยชน์สูงสุดแก่ชาวนาและเกษตรกร ซึ่งจะจำหน่ายข้าวได้ราคาสูงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้กล่าวว่า ช่วงเดือนข้างหน้าลู่ทางสำหรับข้าวเวียดนามอาจจะไม่สดใสเช่นเดิม และอาจจะส่งออกได้น้อยลง อีกหลายประเทศกำลังจะเริ่มส่งออกอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหยุดมานาน
รัฐบาลไทยมีแผนจะขายข้าว 600,000 ตันในสตอก กระทรวงพาณิชย์ของไทยกล่าวว่าจะส่งออกได้ทันที่เมื่อสามารถตกลงกันได้มาในระดับคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ
ปีนี้อินเดียยังไม่เคยได้ส่งออกข้าวเช่นกัน แต่อาจจะส่งออกในครึ่งหลังของปีนี้ และเมื่อข้าวไทยกับข้าวอินเดียออกสู่ตลาดโลก ราคาก็จะหล่นวูบลง
นายเหวียนจางญุง (Nguyen Trang Nhung) แห่งศูนย์ข้อมูลการเกษตรและพัฒนาชนบทกล่าวว่า ปลายปีนี้ข้าวฤดูนาปีปลายปีของเวียดนามก็จะออกสู่ท้องตลาด ยิ่งจะสร้างแรงกดดันต่อข้าวในสตอก หากไม่รีบเซ็นสัญญาซื้อขายเสียแต่บัดนี้
นายเหวียนดี่งบิ๊ก (Nguyen Dinh Bich) ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยการค้า สังกัดกระทรวงการค้าเวียดนามกล่าวว่า ในช่วงนี้อุปสงค์ในตลาดโลกเริ่มลดลง หลังจากเริ่มมีข้าวออกสู่ตลาดมากขึ้น และก็เป็นวัฏจักรราคาข้าวจะสูงในช่วงต้นปี และลดต่ำลงในช่วงปลายปี ยกเว้นเพียงปีที่แล้วที่เกิดข้าวยากหมากแพง
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนกล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวในช่วงเดือนที่เหลืออยู่นี้ยังยากที่คาดเดา ทั้งนี้เนื่องจากมีสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกเป็นตัวแปรอีกตัวหนึ่งนอกเหนือจากอุปสงค์กับอุปทานในตลาดยามปกติ
เวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 รองจากประเทศไทย ปีที่แล้วเสียตำแหน่งให้แก่ข้าวอินเดีย เนื่องจากรัฐบาลห้ามส่งออกนานถึง 6 เดือน.