กรมส่งออก ยังพร้อมจัดงาน THAIFEX-World of Food ASIA 2009 ยืนต่างชาติมั่นใจพร้อมเข้าร่วมงาน ตั้งเป้าชมงานไม่ต่ำกว่า 95,000 คน
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า กรมฯ จะร่วมกับผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดงานแสดงสินค้า THAIFEX-World of Food ASIA 2009 ระหว่างวันที่ 13-17 พฤษภาคมนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี โดยได้รับคำยืนยันจากนักลงทุนต่างประเทศทั่วโลกว่าจะเข้าร่วมชมงานแสดงสินค้าอาหารของไทย แม้จะเกิดปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
นายราเชนทร์ ระบุว่า การจัดงานดังกล่าว ต้องการให้ต่างชาติเห็นว่าในฐานะไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารแช่เย็นแช่แข็งและอาหารสำเร็จรูปมีกระบวนการรักษาความปลอดภัยด้านอาหารสูงสุด ภายในงานจะมีการติดเทอร์โมสแกนด้วย โดยระหว่างวันที่ 13-15 พฤษภาคมจะมีการเจรจาการค้า ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. และจำหน่ายขายปลีก วันที่ 16-17 พฤษภาคม ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. มีบริษัทเข้าร่วมทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 1,100 บริษัท กว่า 2,100 คูหา เป็นต่างชาติกว่า 140 บริษัท จาก 21 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง อาเซียน ยุโรป เกาหลีใต้ อิตาลี ฝรั่งเศส จีน และอีกหลายประเทศ นอกจากนี้ ปีนี้จะพิเศษกว่าปีที่ผ่านมา คือ สถาบันด้านอาหารของไทยจะนำนวัตกรรมที่คิดค้นใหม่มาจัดแสดงในงาน เพื่อแสดงให้ต่างชาติเห็นว่าไทยมีการพัฒนานวัตกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 95,000 คน แบ่งวันเจรจาธุรกิจ 22,000 คน จำหน่ายขายปลีก 73,000 คน
ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมามีเงินสะพัดในงานกว่า 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการซื้อขายทันที 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่งออกภายหลัง 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปีนี้เชื่อว่าแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง แต่การเจรจาการค้าน่าจะไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา จากการที่กรมฯ หารือกับสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทยว่า 2 ไตรมาสแรกส่งออกอาหารชะลอตัวลง แต่กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ข้าว อาหารทะเล น้ำตาล คาดว่าจะส่งออกปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทางผู้ประกอบการต่างยืนยันว่าอาหารไทยปลอดภัยยังมีความต้องการสูง
นายผณิศวร ชำนาญเวช นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เพื่อแสดงศักยภาพผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้ต่างชาติรับรู้ว่าอาหารไทยในหลายประเภทยังเป็นที่ต้องการ และจากการประเมินภาพรวมการส่งออกอาหารทะเลแช่เย็นแช่แข็ง เช่น ปลาหมึก กุ้ง ไก่ จะมีมูลค่าการส่งออกไม่ต่ำกว่า 110,000-120,000 ล้านบาท โดยมีอัตราเติบโตประมาณร้อยละ 5-6 แต่ตัวเลขดังกล่าวจะไปเปรียบเทียบกับการส่งออกอาหารในปี 2551 ไม่ได้ เนื่องจากความต้องการอาหารในหลายประเทศ เช่น สหรัฐ เป็นช่วงการเลือกตั้ง จีน แข่งขันกีฬาโอลิมปิก มีความต้องการอาหารค่อนข้างมาก ทำให้การส่งออกกลุ่มอาหารในปี 2551 มีปริมาณสูงขึ้นผิดปกติ โดยมีอัตราการเติบโตกว่าร้อยละ 10 ดังนั้น จึงไม่อยากให้นำไปเปรียบเทียบ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 5-6 ซึ่งควรจะนำไปเปรียบเทียบกับปี 2550 ปีนี้แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะประสบปัญหา โดยหลายประเทศมีการจับจ่ายใช้สอยน้อยลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความต้องการด้านปริมาณไม่ลดลง แต่ส่วนด้านราคาอาจจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารไทยนั้นยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก