เวียดนามเน็ต/ASTVผู้จัดการรายวัน -- บริษัทร่วมทุนที่ลงทุนในโครงการก่อสร้างสะพานฝูหมี (Phu My) สะพานขึงข้ามแม่น้ำไซ่ง่อนใหญ่ที่สุดในนครโฮจิมินห์ ที่เปิดใช้อย่างเป็นทางการไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อาจจะไม่สามารถถอนทุนคืนจากค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไปในการก่อสร้างได้ เมื่อบรรดาผู้ใช้รถต่างพากันเลี่ยงใช้สะพานเพราะไม่อยากจ่ายค่าธรรมเนียม และ กำลังหาทางออก
ฝูมี (Phu My) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำไซง่อน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการถนนวงแหวนสายหนึ่ง ที่อยู่ในระบบสะพานและถนนแนวตะวันออก-ตะวันตก ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2548 เพื่อแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัดอย่างหนักในนครใหญ่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศในภาคใต้
สะพานตั้งอยู่อยู่ถัดไปจากท่าขนส่งสินค้าผักและผลไม้ ที่เชื่อมระหว่างเขต 7 เขต 2 และเขต 9 ในนครโฮจิมินห์ ยานพาหนะต่างๆ จะได้รับอนุญาตให้ใช้บริการข้ามสะพานที่เชื่อมระหว่างเขต 2 และ 7 ของนครโฮจิมินห์ โดยจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางตลอดอายุสัญญาสัมปทานเป็นระยะเวลา 26 ปี เริ่มจากปี 2553 เป็นต้นไป
ผู้ได้รับสัมปทานจัดเก็บค่าธรรมเนียนในการข้ามสะพานฝูหมี ในส่วนที่เชื่อมระหว่าง เขต 2 และ7 เหนือแม่น้ำไซ่ง่อน เป็นเงิน 10,000 ด่ง (0.45 ดอลลาร์) สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ ส่วนรถบรรทุกคอนเทนเนอร์เสียค่าธรรมเนียม 40,000 ด่ง
แต่แผนการเก็บค่าธรรมเนียมนี้อาจจะล้มเหลวเมื่อสะพานฝูหมีที่รายล้อมไปด้วยด่านเก็บค่าธรรมเนียม ทั้งด่านเก็บเงินบนถนนเหวียนวันลีง (Nguyen Van Linh) และบนเส้นทางหลวงสาย 1A ไปยังกรุงฮานอย รถบรรทุกที่ออกจากเขต 4 จะต้องเสียค่าธรรมเนียม 2 ด่านเพื่อไปถึงทางหลวงสายหลักเหนือ-ใต้ ในขณะที่รถจาก ท่าเรือในเขต 7 อาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมถึง 3 ครั้ง
ดร.เหวียนแถ่งถาย (Dr. Nguyen Thanh Thai) ผู้อำนวยการใหญ่บริษัทร่วมทุนฝูหมี (Phu My Corporation) ซึ่งระดมทุนจากนักลงทุนชาวเวียดนามโพ้นทะเลและกลุ่มธุรกิจภายในประเทศในรูปแบบ BOT (Build–Operate–Transfer) ทั้งหมด 5 บริษัท กล่าวว่าตามคาดการณ์นั้นจะมีรถใช้สะพานประมาณ 10,000 คันต่อวัน
“แต่ในตอนนี้บรรดาผู้ขับขี่ต่างเลี่ยงการใช้สะพานเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ดังนั้นเราต้องทบทวนเรื่องการเพิ่มค่าธรรมเนียมในอัตราสูงสุดที่ 68,000 ด่ง"
นายถายกล่าว่าบริษัท PMC รู้ว่าค่าธรรมเนียมที่สูงขนาดนั้นจะทำให้ผู้ใช้รถไม่อยากใช้สะพาน แต่อีกทางหนึ่งการตั้งราคาค่าธรรมเนียมจำนวนดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถถอนทุน 2 ล้านล้านด่ง (112.26 ล้านดอลลาร์) เงินทุนที่ใช้ในการก่อสร้างได้ หรือ อีกทางหนึ่งก็อาจจะต้อง "โอนย้าย" ให้บริษัทอื่นดูแลแทน
โครงการก่อสร้างสะพานฝูหมีต้องใช้เงินกู้จากฝรั่งเศสถึง 1.4 ล้านล้านด่ง โดยรัฐบาลเวียดนามช่วยค้ำประกันนเนื่องจากต้องการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในนครใหญ่ ถ้าหาก PMC ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้ รัฐอาจจะต้องเป็นผู้จ่ายหนี้แทน
นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) ทำพิธีเปิดสะพานใช้สะพานขึง (Cable-stayed Bridge) ขนาดใหญ่นี้ พร้อมกันถนนเลียบคลองอีกสายหนึ่งในระบบถนน-สะพานเพื่อเลี่ยงการผ่านเข้าสู่ตัวเมือง โดยถือเอาฤกษ์ดี ในวันชาติเวียดนาม 2 ก.ย. และ เปิดให้บริการเต็มอัตราในอีกหนึ่งสัปดาห์ ถัดมา และยังเป็นการเปิดใช้งานก่อกำหนดถึง 4 เดือน
สะพานฝูหมี มีความยาว 2,101 เมตร กว้าง 27.5 เมตร สูงจากผิวน้ำ 45 เมตร เพื่อให้เรือขนาดใหญ่สามารถลอดผ่านใต้สะพานได้อย่างสะดวก และถูกออกแบบให้มีอายุการใช้งานได้นานถึง 100 ปี โดยผู้ลงทุนจะมีรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางตลอดอายุสัญญาสัมปทานเป็นระยะเวลา 26 ปี เริ่มจากปี 2552 เป็นต้นไป สื่อของทางการกล่าว
สะพานใหญ่แห่งนี้ก่อสร้างโดยบริษัทโบลเดอร์สโตน (Baulderstone) จากออสเตรเลีย ร่วมกันกับบริษัทบิลฟิเกอร์ เบอร์เกอร์ (Bilfinger Berger) จากเยอรมนี
ผู้ร่วมทุนในโครงการก่อสร้างสะพานฝูหมี ประกอบด้วย บริษัท Hanoi Construction Corp. (HACC) บริษัท Construction Development & Investment Co. (Invesco) บริษัท HCMC Infrastructure Investment Co. (CII) บริษัท Chau Thoi 620 Concrete Co. และบริษัท Thanh Danh Trading & Construction Co. (TDCO)
ผู้อำนวยการบริษัทก่อสร้างสะพานฝูหมีกล่าวว่า ทั้งสะพานและระบบถนนใหม่นี้จะช่วยทำให้การจราจรในบริเวณดินแดนที่ราบปากแม่น้ำโขง นครโฮจิมินห์ และ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ มีความสะดวกมากขึ้น ช่วยเชื่อมต่อชุมชนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง และช่วยกระตุ้นการพัฒนาทางสังคม-เศรษฐกิจในภูมิภาค ทั้งยังลดปัญหาการจราจรแออัดภายในเมืองได้เป็นอย่างดี
เมื่อต้นปีนี้ทางการนครโฮจิมินห์ได้เปิดใช้สะพานใหญ่ข้ามแม่น้ำไซ่ง่อนอีก 1 แห่ง ที่อยู่ถัดจากสะพานฝูหมีลงไปทางใต้ ขณะที่ยังมีโครงการก่อสร้างสะพานขนาดใหญ่อีก 2-3 แห่ง.