ASTVผู้จัดการออนไลน์ - การที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน แต่งตั้งนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาและนำเข้าประเทศในสัปดาห์นี้ ก็เพื่อโหมกระพือความตึงเครียดระหว่างกัมพูชากับไทย และอาจจะเป็นเพียงแผนการเบี่ยงเบนความสนใจของชาวกัมพูชา กับประชาคมระหว่างประเทศออกไป จากปัญหาที่มีความหนักหน่วงยิ่งกว่า คือ การฮุบดินแดนที่ชายแดนตะวันออกโดยเวียดนาม
นายสม รังสี หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ระบุดังกล่าวในคำแถลงฉบับหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ ของพรรค ในวันเสาร์ (14 พ.ย.) ที่ผ่านมา โดยระบุด้วยว่าคำแถลงนี้ได้ส่งถึงหนังสือพิมพ์แคมโบเดียเดลี (Cambodia Daily) ฉบับภาษาอังกฤษในกรุงพนมเปญด้วย
นายรังสี กล่าวว่า แผนการของฮุนเซน เริ่มขึ้นหลังจากตัวเขาเองนำราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนไปถอนหลักหมุดปักปันเขตแดนชั่วคราวออกจากที่นาในวันที่ 25 ต.ค.2552 ซึ่งเจ้าหน้าที่เวียดนามนำไปปัก เป็นการกำหนดจุดที่จะสร้างหลักเขตแดนถาวรในเวลาต่อไป
ราษฎรในท้องถิ่นให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุเอเชียเสรี ในปลายเดือน ต.ค.ว่า หลักหมุดดังกล่าวอยู่ลึกเข้ามาในแดนแดนของกัมพูชา ห่างจากแนวเขตแดนหลายร้อยเมตร หลายครอบครัวกำลังจะสูญเสียที่นาที่ทำกินมาชั่วอายุคนไป
นายรังสี กล่าวว่า การกระทำของฮุนเซนได้แสดงให้เห็นถึงทัศนะที่ “ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของเวียดนาม” ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลฮุนเซนประพฤติปฏิบัติมาตลอด 30 ปี ตั้งแต่เวียดนามจัดตั้งกลุ่มปกครองฮุนเซน กับพลพรรคขึ้นในกรุงพนมเปญ หลังจากช่วยขับไล่รัฐบาลเขมรแดงออกไป
หัวหน้าฝ่ายค้าน กล่าวว่า การโหมกระพือความขัดแย้งกับไทยนั้น มีขึ้นหลังจาก เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2552 นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) ได้บอกให้รัฐบาลฮุนเซน ต้อง “มีมาตรการจัดการกับการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายและไม่อนุญาตให้กรณีคล้ายกันนี้เกิดขึ้นอีก เนื่องจากเรื่องนี้ได้กระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองชาติ”
นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กำชับเรื่องนี้ในกรุงฮานอย ระหว่างพบหารือกับนางแมนซัมอาน (Men Sam An) รองนายกรัฐมนตรีหญิงของรัฐบาลฮุนเซน และประธานสมาคมมิตรภาพกัมพูชา-เวียดนาม ที่ไปเยือน โดยมีการตีพิมพ์เรื่องนี้ในหนังสือพิมพ์เญินซเวิน (Nhan Dan) หรือ “ประชาชน” รายวัน ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
นายรังสี กล่าวอีกว่า การถอนหลักหมุดปักปันเขตแดนชั่วคราว เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2552 ทำด้วยเจตนาให้เป็นสัญลักษณ์ความรักชาติ หวงแหนแผ่นดิน สร้างขวัญกำลังใจและช่วยเหลือราษฎรที่กำลังประสบความยากลำบาก และตกเป็นเหยื่ออยุติธรรม จากการกระทำของทางการเวียดนาม
การกระทำกล่าวได้ “ทำให้เวียดนามไม่พอใจ เนื่องจากผมได้นำเอาเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง ที่มีผลกระทบทางยุทธศาสตร์และเป็นประเด็นที่สำคัญยิ่งใหญ่ เกินกว่าใครๆ จะคาดคิดออกมาเปิดเผย”
สัปดาห์ที่ผ่านมาทางการ จ.สวายเรียง ได้ยื่นฟ้อง นายสม รังสี ต่อศาลจังหวัด ฐาน “ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ” และในวันจันทร์ (16 พ.ย.) นี้ สภาผู้แทนฯ ที่พรรครัฐบาลครองเสียงข้างมากเด็ดขาด กำลังจะเปิดประชุมนัดพิเศษ โดยมีเพียงวาระเดียว คือ ลงมติยกเลิกเอกสิทธิ์คุ้มครองของนายรังสี ให้ศาลดำเนินคดีผู้นำฝ่ายค้านอย่างเต็มที่
ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนฯ ชุดเดียวกันนี้ได้ลงมติยกเลิกเอกสิทธิ์ ของ นางมู สุจัว ส.ส.สตรีของพรรคสม รังสี ซึ่งถูกศาลพิพากษามีความผิดฐานหมิ่นประมาทฮุนเซน
“สิ่งนี้ได้เป็นข้อพิสูจน์ว่า รัฐบาลกัมพูชาปัจจุบันยินยอมพร้อมใจที่จะตกเป็นเบี้ยล่างและรับใช้เวียดนามเพียงไร” คำแถลงระบุ
นับตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.เป็นต้นมา ทางการได้สั่งห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปยังบริเวณที่กำลังมีการปักปันเขตแดนอีก นักศึกษาจากกรุงพนมเปญกลุ่มหนึ่งที่ตั้งใจจะเข้าไปดูสถานที่จริง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ถูกห้ามมิให้เข้าพื้นที่เช่นเดียวกัน
สมเด็จพระนโรดมสีหนุ อดีตกษัตริย์แห่งกัมพูชา ได้ทรงมีบันทึกส่วนพระองค์ถึงประธานวุฒิสภาเจียซิม กับประธานสภาพผู้แทนฯ เฮงสัมริน ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมาไม่มีผู้นำระดับสูงคนใดในรัฐบาลพูด และไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับใดลงข่าว จนกระทั่งมีความเคลื่อนไหวจะนำตัวผู้นำฝ่ายค้านขึ้นศาล