ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- รัฐสภากัมพูชาที่พรรครัฐบาลฮุนเซนครองเสียงข้างมาก 2 ใน 3 ได้ลงมติในวันจันทร์ (16 พ.ย.) นี้ ยกเลิกเอกสิทธิ์คุ้มครองของนาย สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้าน เปิดทางให้ทางการ จ.สวายเรียง (Svay Rieng) ดำเนินคดีได้อย่างเต็มที่ฐาน “ทำลายทรัพย์สิน” และ “สร้างความปั่นป่วน” หลังจากได้นำราษฎรถอนหลักหมุดปักปันเขตแดนชั่วคราว ที่ทำไว้กับฝ่ายเวียดนาม
รัฐสภากัมพูชา (National Assembly) ซึ่งได้เปิดประชุมเพื่อพิจารณาวาระนี้เพียงวาระเดียว ได้ออกออกคำแถลงฉบับหนึ่งระบุเกี่ยวกับการ “ยกเลิกเอกสิทธิ์คุ้มครองของนาย สม รังสี”
ผู้นำฝ่ายค้านพรรคใหญ่ที่สุดของกัมพูชายังคงอยู่ในต่างแดน หลังจากไปร่วมการประชุมนานาชาติในประเทศอียิปต์ และ เดินทางต่อไปพบผู้สนับสนุนในประเทศฝรั่งเศส การถูกยกเลิกเอกสิทธิ์ฯ จะทำให้เขาถูกจับกุมได้ทันทีเมื่อเดินทางกลับกัมพูชา
ปฏิบัติการครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเวียดนามได้แสดงความไม่พอใจได้แสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของนาย สม รังสี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศนางเหวียนเฟืองงา (Nguyen Phuong Nga) แถลงในวันที่ 1 พ.ย.ประณามการกระทำของผู้นำฝ่ายค้าน โดยระบุด้วยว่าเป็นความพยายามบ่อนทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ และจงใจสร้างความเกลียดชังเวียดนาม
โฆษกเวียดนามยังเรียกร้องให้รัฐบาลฮุนเซน หามาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
วันที่ 25 ต.ค.นายรังสี เดินทางไปทอดผ้าป่าที่วัดในหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง ในท้องที่ อ.จันเตรีย (Chantrea) และ ได้รับร้องเรียนจากราษฎรในพื้นที่เกี่ยวกับหลักหมุดปักปันเขตแดนชั่วคราว ซึ่งแสดงตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตแดนหลักที่ 185 ระหว่างกัมพูชากับเวียดนาม
ในวันที่ 4 พ.ย.นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) ได้กำชับเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ในกรุงฮานอย ระหว่างต้อนรับนางแมนซัมอาน (Men Sam An) รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ไปเยือน
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เญินซเวิน (Nhan Dan) หรือ “ประชาชน” (http://www.nhandan.com.vn/english/news/041109/domestic_vs.htm) ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม นายยวุ๋ง ได้บอกกับรองนายกฯ กัมพูชา ว่า “รัฐบาลกัมพูชาควรจะมีมาตรการที่จำเป็นจัดการกับการกระทำบ่อนทำลายของนายสมรังสี และไม่อนุญาตให้เกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้ขึ้นอีกในอนาคต เนื่องจากได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองชาติ”
รองนายกฯ กัมพูชา กล่าวกับผู้นำเวียดนามว่า การกระทำของนายรังสี “ได้ทำลายทรัพย์สินของชาติและกระทำผิดกฎหมายของกัมพูชา บั่นทอนความสัมพันธ์อันดีกับเวียดนาม”
นางแมนซัมอาน เป็นสมาชิกกรมการเมืองคนหนึ่งของพรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชาในอดีต นั่นคือพรรคคอมมิวนิสต์สายโซเวียต-เวียดนาม ในยุคสงครามเย็น ที่เวียดนามจัดตั้งขึ้นหลังเข้าขับไล่ระบอบเขมรแดงกับพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา (นิยมลัทธิเหมาเจ๋อตง) ออกจากกรุงพนมเปญ และ ได้กลายมาเป็น “พรรคประชาชนกัมพูชา” ของฮุนเซนในวันนี้โดยผู้นำชุดเก่ายังอยู่กันพร้อมหน้า
คำแถลงของรัฐสภากัมพูชาที่ออกในวันจันทร์นี้ระบุว่า นายรังสี ได้กระทำการ “รื้อถอนหลักเขตแดนระหว่างกัมพูชากับเวียดนาม และปลุกปั่นยุยง (ประชาชน) ให้ก่ออาชญากรรม” ที่ จ.สวายเรียง ในภาคใต้ของประเทศ
นายสม กล่าวก่อนก่อนหน้านี้ ว่า ตนเองได้นำราษฎรถอนหลักหมุดปักปันเขตแดนจำนวน 6 หลัก แล้วปาทิ้งไป เนื่องจากเจ้าหน้าที่เวียดนามนำไปปักในที่นาของชาวบ้านอย่างผิดกฎหมาย เพราะเป็นดินแดนของกัมพูชา ราษฎรอาศัยทำกินมานานนับชั่วอายุคน
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรค สม รังสี ได้ประท้วงเมื่อวันจันทร์นี้ โดยไม่ยอมเข้าร่วมการประชุมเพื่อลงมติถอดถอนเอกสิทธิ์คุ้มครองของหัวหน้าพรรค พร้อมทั้งประณาม “การกลั่นแกล้งและการรังแกทางการเมือง”
นายสนชัย (Son Chhay) ประธาน สส.พรรคสมรังสีในสภาเรียกการลงมติของ สส.พรรครัฐบาลเมื่อวันจันทร์ว่า เป็นการ “ข่มขู่และรังแกหัวหน้าพรรค โดยมีจุดประสงค์เพื่อปิดปากพรรคฝ่ายค้าน”
นายรังสี ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งในวันเสาร์ (14 พ.ย.) ที่ผ่านมา บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งกล่าวหาว่า การกระทำของตนทำให้เวียดนามไม่พอใจ ดังจะเห็นได้จากนายกฯ ของประเทศนั้นออกมากำชับให้จัดการกับตนเอง นอจากนั้นเหตุการณ์นี้ยังเป็นข้อพิสูจน์ว่า รัฐบาลฮุนเซนเป็นเพียง “ลูกไล่” ของเวียดนาม
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในวันที่ 25 ต.ค.ยังไม่มีโฆษกคนใดของฝ่ายรัฐบาลออกให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และ ไม่มีผู้นำระดับสูงคนใดรวมทั้งฮุนเซนออกอธิบายเรื่องราวต่างๆ ต่อสาธารณชน ขณะที่โหมการบั่นทอนความสัมพันธ์กับไทยประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันตก โดยเชื้อเชิญนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศ
นายรังสี กล่าวในคำแถลงว่า การนำ นช.หลบหนีความผิดชาวไทยเข้ากัมพูชานั้น ความพยายามกลบเลื่อนกรณีเวียดนามรุกล้ำแดนทางตะวันออก ของฮุนเซนนั่นเอง
สองประเทศได้เริ่มปักปันเขตแดน 1,270 กิโลเมตร มาตั้งแต่เดือน ก.ย.2549 ในความพยายามหาทางยุติความขัดแย้งเกี่ยวกับเส้นเขตแดน แต่นั้นมาก็ได้ทำให้เกิดกระแสต่อต้านเวียดนามขึ้นในกัมพูชา หลังจากหลายฝ่ายกล่าวว่ารัฐบาลฮุนเซนได้ยกดินแดนให้แก่ “เจ้านาย” เป็นจำนวนมาก
ชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม ไม่เคยมีหลักปักปันเขตแดน เจ้าอาณานิคมแบ่งเขตแดนโดยใช้หินวาง หรือ บ้างก็ปักเป็นเสาติดธงเอาไว้ เมื่อเวลาผ่านไปหลายทศวรรษ สิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้สูญหายไปทั้งหมด