xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ช่วยรัฐมนตรีสหรัฐฯ เดินทางเข้าพม่าอังคารนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#FF0000>ภาพเอเอฟพีวันที่ 18 ก.ย.2552 ขณะแถลงข่าวในกรุงโตเกียว ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เคิร์ต แคมป์เบล (Curt Campbell) มีกำหนดเดินทางเข้าพม่าในวันอังคาร (3 พ.ย.) นี้ เพื่อ สืบต่อการสนทนา กับรัฐบาลทหาร หาทางฟื้นฟูความสัมพันธ์สองประเทศ  ที่ถูกลดระดับลงตั้งแต่ปี 2531 เมื่อรัฐบาลทหารปราบปรามผู้เดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3,000 คน </FONT></bR>

ซินหัว -- นายเคิร์ต แคมป์เบล (Kurt Campbell) ผู้ชวยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก มีกำหนดเดินทางเยือนพม่าระหว่างวันที่ 3-4 พ.ย.ศกนี้ ทั้งนี้ เป็นคำแถลงที่ออกโดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันศุกร์

คณะของ นายแคมป์เบล กับผู้ช่วยคนหนึ่งคือ นายสก็อต เมอร์ซีล (Scott Merciel) กำลังจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ไปเยือนพม่า นับตั้งแต่ฝายทหารยึดอำนาจและปกครองประเทศติดต่อกันมาตั้งแต่ปี 2505

สหรัฐฯ เป็นผู้นำหน้าในการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลทหาร เพื่อกดดันให้ปฏิรูปประชาธิปไตยในประเทศ และปรับปรุงด้านสิทธิมนุษยชน รัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้ประกาศจะหารือกับฝ่ายพม่าให้มากยิ่งขึ้น แต่จะยังไม่เลิกมาตรการคว่ำบาตร ที่สหภาพยุโรปเอง ก็ใช้กับพม่ามาหลายปีเช่นเดียวกัน

“พวกเขาคาดว่าจะได้พบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล และพบสมาชิกของพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งนางอองซานซูจีและตัวแทนของชนกลุ่มน้อยต่างๆ ด้วย” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว

วันที่ 29 ก.ย.ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญประจำปีขององค์การสหประชาชาติ สหรัฐฯ อนุญาตให้ พล.จ.เนียนวิน รัฐมนตรีต่างประเทศพม่า เดินทางไปเยี่ยมสถานทูตในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ได้เป็นครั้งแรก และ พล.อ.เต็งเส่ง ก็ได้กลายเป็นนายกรัฐมนตรีจากพม่าคนแรกที่ไปร่วมการประชุมใหญ่ของยูเอ็นในหลายปีมานี้

สหรัฐฯได้ลดความสัมพันธ์กับระบอบทหารพม่าลงเป็นระดับอุปทูต หลังจากฝ่ายทหารปราบปรามประชาชน ที่เดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตย และทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3,000 คน ในปี 2531 นำมาซึ่งการรัฐประหารยึดอำนาจกันเองอีกครั้งหนึ่งในหมู่ผู้นำกองทัพ
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพเอเอฟพีวันที่ 6 ต.ค.2552 บรรดาผู้นำทางวัฒนธรรมชุมนุมกันบริเวณหน้าศาลาว่าการนครปารีส แสดงการสนับสนุนนางอองซานซูจี ผู้นำฝ่ายค้านพม่า หลังถูกรัฐบาลทหารสั่งกักขังในบ้านพักอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 2 เดือนเดียวกัน รัฐบาลสหภาพยุโรปยังใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อคณะปกครองทหารพม่า และสหรัฐฯซึ่งแม้จะเปลี่ยนท่าทีใหม่ แต่ยืนยันว่าจะยังไม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเช่นกัน </FONT></bR>
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า การเยือนของนายแคมป์เบล เป็นการ “สานต่อการพบปะสนทนา” กับฝ่ายพม่า

รัฐบาลประธานาธิบดี โอบามา ได้ทบทวนนโยบายต่อพม่าเสียใหม่ เปลี่ยนมาเป็นการพูดจากับพม่าโดยตรง เพื่อ “ปูทางไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น” แต่นักการทูตอาวุโสในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.กล่าวว่า สหรัฐฯ จะยังคงสนับสนุนพม่าที่ “เป็นเอกภาพ มีสันติ เจริญรุ่งเรือง และเป็นประชาธิปไตย” ต่อไป

“ถ้าหากพม่าสามารถช่วยให้เกิดความคืบหน้าอย่างมีความหมายได้ ก็เป็นไปได้ที่จะมีการปรับปรุงความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งเราทราบดีว่าเรื่องนี้จะต้องใช้เวลานานและเป็นขบวนการที่ยากลำบากและเราได้เตรียมความพยายามสำหรับเรื่องนี้” นายแคมป์เบลกล่าวก่อนหน้านี้

การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแลฃะารเมืองของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ได้เปิดโอกาสให้ประเทศเพื่อนบ้านของพม่าในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ จีน อินเดีย และ ไทย ตลอดจนเกาหลี สิงคโปร์ และ มาเลเซีย เข้าลงทุนด้านพลังงาน ขณะที่จีนแผ่อิทธิพลด้านอื่นๆ เข้าสู่พม่าโดยตรง
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพเอเอฟพีวันที่ 27 ต.ค.2552 บรรดาผู้สนับสนุนางอองซานซูจี รวมทั้งภิริยาของนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ชุมนุมกันที่บริเวณหน้าโอเปราเฮ้าส์ นครซิดนีย์ เพื่อแสดงการสนับสนุนผู้นำฝ่ายค้านพม่าที่ถูกกักบริเวณให้อยู่ในบ้านพักอีกครั้งหนึ่ง นายเคิร์ต แคมป์เบล ผช.รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ จะเดินทางเข้าพม่าสัปดาห์นี้ หาลู่ทางปรับสัมพันธ์กับระบอบทหาร </FONT></bR>
บริษัท เชฟรอน คอร์ป (Chevron Corp) ที่ซื้อผลประโยชน์ในพม่าต่อจากกลุ่มยูโนแคล (Unocal) เมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันเป็นบริษัทจากสหรัฐฯ เพียงแห่งเดียวที่ยังทำธุรกิจในพม่า โดยร่วมหุ้นกับกลุ่มโตตาลเอสเอ (Total SA) บริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส กับบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจากประเทศไทย ในหลุมก๊าซยาดานา (Yadana) ในอ่าวเมาะตะมะ

ก๊าซที่ผลิตได้จากหลุมดังกล่าวเกือบทั้งหมดส่งจำหน่ายให้แก่ประเทศไทย ทำรายได้ให้รัฐบาลทหารปีละกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์

รัฐบาลอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้พยายามหลายครั้งที่จะบีบให้กลุ่มเชฟรอนออกจากพม่า รวมทั้งออกกฎหมายใช้มาตรการภาษี แต่ไม่สำเร็จ
กำลังโหลดความคิดเห็น