xs
xsm
sm
md
lg

น้ำท่วมใหญ่โฮยอาน “เกดสะหนา” ฆ่าเวียดนามนับร้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#FF0000>พายเรือเรือเที่ยวโฮยอาน-- ภาพเอเอฟพีวันที่ 30 ก.ย.2552 ชาวเมืองต้องใช้เรือแทนรถยนต์พายไปตามถนนสายต่างๆ ไต่ฝุ่นเกดสะหนาทำให้เมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโกจมน้ำอีกครั้งหนึ่ง แบบเดียวกันกับในเดือน ก.ย.-ต.ค.2549 เมื่อไต้ฝุ่นช้างสารอาละวาด ผู้ที่เคยไปเยือนโฮยอานอาจจำสถานที่ในภาพได้ดี และ นี่เป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง แม้ว่าชาวเมืองจะไม่สนุกด้วยก็ตาม </FONT></bR>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- จนถึงวันพุธ (30 ก.ย.) ที่ผ่านมา ทางการจังหวัดต่างๆ ในเขตภาคกลางเวียดนามได้พบผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นเกดสะหนาแล้ว 74 คน ขณะที่ยังมีผู้สูญหายไปอีกกว่า 20 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่า อาจจะเสียชีวิตแล้วทั้งหมด ไต้ฝุ่นลูกนี้ ยังทำให้เกิดน้ำท่วมเมืองมรดกโลกโฮยอาน (Hoi An) อีกครั้งหนึ่งด้วย

นี่คือ โศกนาฏกรรมที่ไต้ฝุ่นที่มีความแรงระดับ C2 (Category 2) ทิ้งเอาไว้ข้างหลัง ก่อนจะเคลื่อนเข้าสู่ดินแดนลาว และค่อยๆ อ่อนกำลังลงเป็นกลุ่มความกดอากาศต่ำ ที่มีอุณหภูมิสูง ที่ยังมีฤทธิ์เดชทำให้เกิดฝนตกหนัก

ภาคกลางเวียดนามได้รับความเสียหายย่อยยับ นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในช่วงหลายปีมานี้ นับตั้งแต่ไต้ฝุ่นทุเรียน กับไต้ฝุ่นช้างสาร เมื่อปี 2549

โทรทัศน์เวียดนามในตอนค่ำวันพุธนี้ ยังแสดงให้เห็นอุทกภัยในเมืองมรดกโลกโฮยอาน (Hoi An) จ.กว๋างนาม ที่ระดับน้ำท่วมสูงเกือบถึงหลังคา ทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เรือไปส่งความช่วยเหลือให้แก่ราษฎร และอพยพคนจำนวนมากออกจากเขตน้ำท่วม

ภาพยังแสดงให้เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนหนึ่งติดค้างตามสถานที่พักต่างๆ และไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ แต่นักท่องเที่ยวบางรายได้เดินฝ่าน้ำที่สูงถึงระดับคอออกไป ดูเหมือนว่าเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องอาหารและน้ำดื่ม

ทางการเวียดนามได้สั่งการก่อนหน้านี้ให้จังหวัดและนครต่างๆ ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ตกค้างในเขตภัยพิบัติไต้ฝุ่นเกดสะหนาด้วย

ตามรายงานของคณะกรรมการควบคุมในอุทกภัยและพายุแห่งชาติ จ.กงตูม (Kon Tum) ที่อยู่ศูนย์กลางของพายุขณะเคลื่อนตัวผ่าน เพียงจังหวัดเดียวมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน ขณะที่การค้นหากู้ภัยยังดำเนินต่อไปเช่นเดียวกันกับจังหวัดอื่นๆ






ใน จ.กงตูม (Kon Tum) ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่วันจันทร์ ทำให้น้ำในลำน้ำโปโก (Po Ko) เอ่อขึ้นสูงถึงระดับ 5.56 เมตร สูงกว่าสถิติเมื่อปี 2549 ถึง 2.26 เมตร ทั้งนี้ เป็นรายงานของสำนักข่าวเตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre) ออนไลน์

คณะกรรมการยังให้ตัวเลขอื่นๆ ระหว่างการแถลงในตอนเย็นวันพุธ ไต้ฝุ่นเกดสะหนาได้ทำลายบ้านเรือนราษฎรกว่า 100,000 หลังคา มีเรืออย่างน้อย 90 ลำถูกพัดจมลงในอ่าว ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดขึ้นขณะไต้ฝุ่นพัดเข้าสู่เวียดนามด้วยความเร็วลมที่ศูนย์กลางกว่า 150 กม./ชม.ในบ่ายวันอังคาร

“เกดสะหนา” เป็นคำในภาษาลาว เป็นชื่อของต้นไม้มงคลที่เนื้อไม้มีกลิ่นหอม และมีราคาแพง ไต้ฝุ่นพลังแรงลูกนี้ได้อ่อนกำลังลงในเช้าวันพุธ ขณะเคลื่อนเข้าสู่ลาว แต่ยังทำให้เกิดฝนตกหนักกินอาณาบริเวณกว้างครอบคลุมแขวงภาคกลางและภาคใต้ ไปจนถึงจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือกัมพูชา

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาในกรุงพนมเปญ กล่าวในเช้าวันพุธ ยืนยันมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน ใน จ.กัมปงธม (Kampong Thom) ในเขตที่ราบภาคกลาง ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 230 กม.

ยังไม่ทราบข่าวคราวจากหลายจังหวัดที่อยู่ไกลออกไป รวมทั้งรัตนคีรี (Ratanakiri) มณฑลคีรี (Mondolkiri) กระแจ๊ะ (Kratie) และ สตึงแตรง (Stung Treng) ศูนย์อุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า พายุเกดสะหนาจะทำให้น้ำในแม่น้ำโขงไหลเอ่อขึ้นสูง และมีอันตราย

ก่อนหน้าที่ไต้ฝุ่นเกดสะหนาจะขึ้นถึงฝั่งเวียดนาม ทางการจังหวัดต่างๆ ในภาคกลางได้อพยพโยกย้ายราษฎรราว 170,000 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย






“ต่างไปจากพายุลูกอื่นๆ ที่มักจะทำให้เกิดฝนตกเมื่อเข้าถึงฝั่งแล้ว พายุลูกที่ 9 (ที่พัดเข้าสู่ทะเลตะวันออก) ทำให้เกิดฝนตกหนักยิ่งกว่า ทั้งก่อนจะเข้าถึงฝั่งและขณะอยู่ในพื้นที่จังหวัดกว๋างนาม-กว๋างหงาย” นายด่าวซวนเหิก (Dao Xuan Hoc) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าว

“เจ้านี่ (เกดสะหนา) ได้ทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ ระดับน้ำในลำน้ำสายต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว” รัฐมนตรีเวียดนาม กล่าว

ตามตัวเลขของทางการตอนค่ำวันอังคารหลายพื้นที่ รวมทั้งหลายท้องถิ่นใน จ.เถือะเทียนเหว (Thua Thien Hue) วัดปริมาณน้ำฝนได้ถึง 1,000 มิลลิเมตร ระดับน้ำในลำน้ำจ่าบง (Tra Bong) ขึ้นสูงถึง 5.58 เมตร อย่างเป็นประวัติการณ์ ทำลายสถิติเดิมเมื่อปี 2507

คณะกรรมการ กล่าวว่า ระดับน้ำในลำน้ำสาขาสายต่างๆ ในภาคกลางจะยังคงเอ่อสูงขึ้นอีกในวันพุธ ซึ่งทำให้สถานการณ์อุทกภัยน่าเป็นห่วงมากที่สุด ขณะที่หลายจังหวัด รวมทั้งกว๋างนาม (Quang Nam) และ กว๋างหงาย (Quang Ngai) จะอยู่ในความมืดเป็นคืนที่สอง เนื่องจากสายส่งไฟฟ้าแรงสูงระหว่างจังหวัดหักโค่นลงด้วยแรงแห่งพายุ เตื่อยแจ๋ กล่าว

หลายท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ เหล่านี้ ถูกตัดขาดจากภายนอกเนื่องจาก ทางหลวงและทางสัญจรในท้องที่ถูกกระแสน้ำตัดขาด ไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้

เจ้าหน้าที่เวียดนาม กล่าวว่า สถานการณ์เช่นนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความลำบากในการส่งเสบียงอาหารสู่ราษฎรในเขตภัยพิบัติเท่านั้น หากยังรวมถึงการป้องกันและรักษาโรคระบาดต่างๆ ที่ไปกับน้ำอีกด้วย




สำนักงานอุตุนิยมวิทยาหลายแห่ง ในย่านเอเชีย กล่าวว่า พายุเกดสะหนาได้อ่อนกำลังลงเป็นความกดอากาศต่ำในลาวเมื่อวันพุธนี้ แรงลมศูนย์กลางลดลงเหลือเพียง 31-96 กม./ชม.ขณะเคลื่อนเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย แต่สภาพเช่นนี้ก็ยังจะให้เกิดฝนตกต่อไปอีก

ยังไม่ทราบข่าวคราวและสถานการณ์น้ำท่วมในลาว หลังจากทางการได้แจ้งเตือนให้ระวัง เรื่องนี้ 2 วัน พายุก่อนจะเคลื่อนเข้าสู่แขวงกลางและภาคใต้

เจ้าหน้าที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอย กล่าวเตือนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันพุธว่า แม้เกดสะหนาจะลดระดับความรุนแรงลงแล้ว แต่ก็จะยังส่งผลกระทบต่อเวียดนามต่อไปอีก 1-2 วันข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะทำให้เกิดดินเลื่อน น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในจังหวัดภาคกลางกับเขตที่ราบสูงตอนกลาง

รัฐวิสาหกิจรถไฟเวียดนาม กล่าวว่า สถานการณ์เมื่อวันอังคารทำให้ต้องระงับการเดินรถสายเหนือ-ใต้ (ฮานอย-โฮจิมินห์) ไปหลายขบวน และยังจะต้องหยุดให้บริการอีก 1 วันในวันพุธ

สายการบินเวียดนามได้ระงับการขึ้นบินไปยังจังหวัดภาคกลางและภาคเหนือ เมื่อวันอังคาร แต่เริ่มให้บริการในเช้าตรู่วันพุธ และเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น

ก่อนหน้านั้น ในวันเสาร์เมื่อยังเป็นเพียงพายุโซนร้อน เกดสะหนาได้พัดผ่านเกาะลูซอน และนครมะนิลาของฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดฝนตกหนัก มีผู้เสียชีวิตกว่า 280 คน ทั้งนี้ เป็นรายงานของสื่อต่างๆ แม้ว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการจะยังคงอยู่ที่ 246 ก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น