ASTVผู้จัดการออนไลน์ — การทำนายทายทักของพระโคในพิธีแรกนาเมื่อต้นปีนี้อาจจะเป็นความจริง ฝนที่ทิ้งช่วงมานานแรมเดือน ในหลายจังหวัดของกัมพูชา กำลังส่งผลกระทบรุนแรงต่อนาข้าวกับพืชผลการเกษตรในปีนี้ และอาจจะดับความหวังที่จะเป็นประเทศส่งออกข้าวรายใหญ่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผู้เชี่ยวชาญกล่าวเตือนว่า หากฝนยังไม่ตกต้องตามฤดูกาลในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าสถานการณ์ก็จะยิ่งเลวร้าย
ศูนย์ศึกษาและพัฒนาการเกษตร หรือ CEDAC (Cambodian Center for Study and Development in Agriculture (CEDAC) ได้กล่าวเตือนเรื่องนี้ในคำแถลงฉบับหนึ่งเมื่อวันอังคาร (25 ส.ค.) ทั้งนี้ เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล (Deum Ampil) หนังสือพิมพ์รายวันภาษาเขมรยอดนิยมอีกฉบับหนึ่ง
“ภัยแล้งยังคงเป็นปัญหาสำคัญในกัมพูชา เนื่องจากระบบชลประทานยังอยู่ในระดับต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค” คำแถลงระบุ
สถาบันแห่งนี้กล่าวอีกว่า จนถึงเดือน ส.ค.นี้ ภัยแล้งเข็ญกำลังคุกคามใน 8 จังหวัด จากทั้งหมด 22 จังหวัด คือ กัมปงธม (Kampong Thom) ซึ่งเป็นอู่ข้าวสำคัญในที่ราบภาคกลางของประเทศ จ.บ้านใต้มีชัย (Banteay Meanchey) ติดชายแดนไทย อู่ข้าวใหญ่ จ.พระตะบอง (Battambang) ทางภาคตะวันตก เปรย์แวง (Prey Veng) สวายเรียง (Svay Rieng) กับ จ.ตะแกว (Takeo) อู่ข้าวทางภาคตะวันออก และ จ.โพธิสัตว์ (Pursat) ทางตะวันตกกรุงพนมเปญ
“ความแห้งแล้งในปีนี้กำลังส่งผลกระทบต่อนาข้าวนับหมื่นๆ เฮกตาร์ (นับแสนๆ ไร่)” คำแถลงฉบับเดียวกันระบุอีกว่า ถ้าหากฝนยังไม่ตกในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ความเสียหายต่อนาข้าวใน 8 จังหวัดดังกล่าว ก็อาจจะสุดจะคณานับ
“ภัยแห้งแล้งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่ท้าทายเกษตรกร” สถาบัน CEDAC กล่าว ทั้งเรียกร้องให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหานี้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผันน้ำ จัดหาปุ๋ย และ ให้ความรู้แก่เกษตรกรชาวนาที่มีจำนวนคิดเป็นประมาณ 85% ของประชากร 14 ล้านคน
ระหว่างพิธีแรกนาซึ่งจัดขึ้นที่ “สนามหลวง” บริเวณหน้าพระราชวังเขมรินทร์ กรุงพนมเปญ ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา พระโคศักดิ์สิทธิ์ไม่แตะข้าวเลยแม้แต่น้อย แต่เสวยข้าวโพด ถั่วลิสงกับถั่วเหลือง อย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งโหรหลวงแปลความหมายว่า การเก็บเกี่ยวข้าวปีนี้จะได้ผลน้อยลง
“หมายความว่า จะมีข้าวโพดกับพวกถั่วต่างๆ มากมายล้นพ้น แต่จะเก็บเกี่ยวข้าวได้น้อยลง” นายกางเกน (Kang Ken) โหรที่มีชื่อเสียงของประเทศ ประกาศในวันที่ 14 พ.ค.หลังพิธีแรกนา ซึ่งสมเด็จพระนโรมดมสีหมุนี องค์พระประมุขทรงเป็นประธานพิธี
การเสี่ยงทายของพระโคกับการทำนายของโหรหลวงไม่ได้สร้างความหวั่นไหวให้แก่รัฐบาลแม้แต่น้อย แต่สำหรับชาวนากัมพูชาที่ส่วนใหญ่ยังเชื่อถือในเรื่องโชคลางและไสยศาสตร์ การเสี่ยงทายของพระนับเป็นข้าวร้าย
สัปดาห์กลางเดือนนี้ราษฎรนับพันๆ คนใน จ.โพธิสัตว์ แห่แหนไปกราบไหว้ลูกวัวตัวหนึ่งที่เกิดมาผิดปกติ มีหนังหนาและขึ้นเป็นเกล็ดเหมือนหนังจระเข้ พระสงฆ์จากทุกสารทิศมุ่งไปทีนั่นเพื่อสวดปัดรังควานและอุทิศส่วนกุศลให้ลูกวัวศักดิ์สิทธิ์
หลายคนกล่าวว่า เป็นลางร้ายซึ่งอาจจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในบ้านเมือง
ในช่วง 2-3 ปีมานี้ กัมพูชาผลิตข้าวได้มากขึ้น และมีเหลือส่งออกปีละประมาณ 2 ล้านตัน รัฐบาลประกาศเมื่อปีที่แล้ว จะส่งเสริมการผลิตของชาวนาเพื่อให้กัมพูชาสามารถส่งออกข้าวได้ประมาณ 8 ล้านตัน เป็นผู้ส่งข้าวรายใหญ่อีกแห่งหนึ่งโลกในปี 2558
คาดว่า ปีนี้เวียดนามจะส่งข้าวออกได้ประมาณ 6.1 ล้านตัน และประมาณ 9.5 ล้านตัน สำหรับข้าวไทยทุกชนิดเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 1 และ อันดับ 2 ของโลก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กัมพูชายังจะต้องพัฒนาในอีกหลายด้านก่อนจะไปสู่จุดนั้นได้ ไม่เพียงแต่จะผลิตข้าวได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังจะต้องมีระบบการค้าขายที่ดีรองรับการส่งออกอีกด้วย
ถึงแม้ว่ากัมพูชาจะผลิตข้าวได้มากจนเหลือส่งออกก็ตาม เดือน มี.ค.2551 ได้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในกรุงพนมเปญ ท่ามกลางข่าวเล่าลือเกี่ยวกับภาวะข้าวยากหมากแพง ชาวบ้านออกกว้านซื้อข้าวเข้าเก็บ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการขาดแคลน รัฐบาลต้องนำข้าวจากคลังสำรองออกบรรจุถุงจำหน่ายให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในราคาถูกเพื่อบรรเทาปัญหา
หลายปีมานี้การส่งออกข้าวของกัมพูชาดำเนินการโดยผู้ค้าจากประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็นส่วนใหญ่ แต่ปีสองปีมานี้ พ่อค้าจากเวียดนามเข้าไปมีบทบาทมากยิ่งขึ้น
สื่อในกัมพูชา รายงานว่า มีผู้พบเห็นรถบรรทุกข้าวของผู้ค้าจากเวียดนามเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า มุ่งไปยังชายแดนไทย ด้าน จ.บ้านใต้มีชัย หนังสือพิมพ์ดืมอัลปึลยังสัมภาษณ์พนักงานขับรถบรรทุกข้าวรายหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอ้างว่า เขาสามารถขับรถทะลุเข้าไปถึง อ.อรัญประเทศ ของไทย เพราะ “ผู้ใหญ่ตกลงกันแล้ว” ถ้ามีปัญหาก็เพียงแต่ต่อสายให้ “ผู้ใหญ่” ได้คุยกัน เท่านั้น
ตามรายงานของสื่อต่างๆ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ชาวนากัมพูชาในหลายจังหวัดสามารถปลูกข้าวเจ้าพันธุ์ดีได้มากขึ้น รวมทั้งพันธุ์ “ดอกมะลิ” กับ “ดอกลำดวน” ซึ่งเป็นข้าวหอม ขายได้ราคาดี พ่อค้าข้าวจากเวียดนามซื้ออย่างไม่จำกัดจำนวน
ปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ กัมพูชายังขาดโรงสีที่สีข้าวออกมาได้คุณภาพดี และขาดยุ้งฉางในการจัดเก็บทั้งข้าวเปลือกและข้าวสาร เจ้าของโรงสีทั่วประเทศยังขาดเงินทุนในการออกกว้านซื้อข่าวจากชาวนาในฤดูเก็บเกี่ยวซึ่งได้เปิดทางให้ทุนต่างชาติเข้าไปมีบทบาท
ทั้งหมดนี้ยังเกิดขึ้นท่ามกลางข่าวเล่าลือที่ว่า รัฐบาลของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ได้ให้สัมปทานนาข้าวแก่นักลงทุนจากตะวันออกกลางไปแล้วนับแสนๆ ไร่
ต้นปี 2551 กาตาร์ประกาศจะเข้าลงทุนทำนาในจังหวัดทางภาคตะวันออกของกัมพูชา อีกไม่กี่เดือนต่อมานายกรัฐมนตรีคูเวต ไปเยือนกัมพูชาสอย่างเป็นทางการ พร้อมกับแสดงความสนใจเข้าลงทุนผลิตอาหารในประเทศนี้
เพียงไม่เดือนต่อมารัฐบาลคูเวต ได้อนุมัติเงินกู้แก้กัมพูชาเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาระบบชลประทานใน จ.กัมปงธม และ จ.พระตะบอง สร้างถนนเข้าสู่ผืนนาในสองจังหวัดดังกล่าว รวมทั้งสร้างเขื่อนอเนกประสงค์อีก 1 แห่ง กั้นแม่น้ำสตึงแสน (Stung Sen) ในกัมปงธม เพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับชลประทาน และกักน้ำเพื่อการชลประทานในพื้นที่