xs
xsm
sm
md
lg

อีก 10 ปีเวียดนามจะมีสนามบินนานาชาติ 10 แห่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#cc00>ยังขยายได้-- ASTVผู้จัดการรายวัน วันที่ 25 ก.พ.2552 เครื่องบินแอร์บัส A320 ของสายการบินเวียดนามจอดกระจายอยู่ที่ท่าอากาศยานโนยบ่าย (Noi Bai) กรุงฮานอย เวียดนามตัดสินใจขยายท่าอากาศยานนานาชาติแห่งนี้อีกเฟสหนึ่งลงทางทิศใต้ แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้าจะขยายไม่ได้อีกแล้ว ในวันนั้นอาจจะต้องมี สนามบินขนาดใหญ่ อีกแห่งหนึ่งในภาคเหนือ.

ผู้จัดการ 360 ํรายสัปดาห์— เวียดนามกำลังเร่งก่อสร้างยกระดับสนามบินเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่งจาก 9 แห่งตามแผนการเมื่อก่อนหน้านี้ เพื่อให้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ขณะเดียวกันก็เร่งพัฒนาสนามบินนานาชาติที่มีอยู่ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น มีขีดความสามารถสูงขึ้นโดยมีเป้าหมายผลักดันให้อุตสาหกรรมการบินของประเทศทะยานขึ้นอันดับต้นๆ ในอนุภูภาคอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ พร้อมรองรับการฟื้นตัวรอบใหม่ของเศรษฐกิจโลก

รัฐบาลได้บรรจุโครงการสร้างสนามบินขนาดใหญ่แห่งใหม่ทางภาคใต้ของประเทศเข้าในแผนพัฒนาครั้งนี้อย่างเป็นทางการอีกด้วย นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) ได้อนุมัติเรื่องนี้ในสัปดาห์ปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

หลายปีมานี้เวียดนามได้ขยายและก่อสร้างท่าอากาศยานเตินเซินเญิต (Tan Son Nhat) นครโฮจิมินห์ ให้เป็นศูนย์การบินที่มีขีดความสามารถสูงขึ้น ในฐานะท่าอากาศยานใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ในปัจจุบันได้ข้อสรุปว่า ไม่สามารถขยายต่อไปได้อีกแล้ว เนื่องจากถูกตัวเมืองโอบล้อมทุกทิศทุกทาง

แต่รัฐบาลเห็นว่าท่าอากาศยานโนยบ่าย (Noi Bai) กรุงฮานอย ยังสามารถขยับขยายต่อไปได้อีก จึงไม่มีการกล่าวถึง "สนามบินใหญ่แห่งที่สอง" ในภาคเหนือ ในแผนพัฒนาที่อนุมัติใหม่นี้

ปัจจุบันท่าอากาศยานนานาชาติโฮจิมินห์ รับผู้โดยสารเพียงปีละ 10 ล้านคน แต่กำลังปรับปรุงในเฟสที่สอง ซึ่งมีการขยายลานจอดเครื่องบิน สร้างอาคารอำนวยการอีกหนึ่งหลัง กับหอบังคับการบินใหม่ แต่มากกว่านั้นไม่ได้อีกแล้ว

รัฐบาลได้กำหนดเอาไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจะสร้างสนามบินแห่งใหม่ที่ อ.ลองแถ่ง (Long Thanh) จ.ด่งนาย (Dong Nai) ซึ่งอยู่ห่างจากโฮจิมินห์ไปทางตะวันออกราว 30 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่ของทางการประกาศมานานแล้วว่า สนามบินแห่งใหม่จะมีขนาดใหญ่โตกว่าสนามบินสุวรรณภูมิของไทย และ จะเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในอนุภูมิภาค
<br><FONT color=#cc00> แผนที่แสดงตำแหน่งที่ตั้งท่าอากาศยานนานาชาติในเวียดนาม เมื่อปีที่แล้วกำหนดเอาไว้ 9 จุด ปีนี้เพิ่มเป็น 10 ปัจจุบันประเทศนี้มีสนามบินนานาชาติเพียง 4 แห่ง ในกรุงฮานอย นครโฮจิมินห์ นครเหว (Hue) และนครด่าหนัง (Danang) ซึ่่่งสื่อของทางการกล่าวว่าเป็น นานาชาติ เพียงแค่ในนาม ขนาดเล็กมากและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ยังคงมีจำกัด  </FONT></br>
ตามแผนการอันทะเยอทะยานนั้น เวียดนามจะต้องลงทุนราว 5,000 ล้านดอลลาร์สร้างสนามบินใหญ่ บนเนื้อที่กว่า 5,000 เฮกตาร์ (กว่า 31,000 ไร่) เพื่อให้รับผู้โดยสารได้ปีละ 100 ล้านคน ส่งสินค้าปีละ 5 ล้านตัน ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์

เมื่อถึงวันนั้นเตินเซินเญิต ที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองคล้ายๆ กับท่าอากาศยานดอนเมืองของไทย ก็จะกลายเป็นสนามบินและศูนย์อำนวยการของบรรดาสายการบินต้นทุนต่ำ ที่ปัจจุบันมี 4 บริษัท

ต้นปี 2552 ได้มีการเปิดใช้ท่าอากาศยานนครเกิ่นเทอ (Can Tho) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง ที่ปรับปรุงในเฟสแรก ทำให้เครื่องบินโดยสารแอร์บัส A320 ขึ้นลงได้เป็นครั้งแรก

ขณะเดียวกันการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่บนเกาะฟุก๊วก (Phu Quoc) เริ่มขึ้นแล้ว รัฐบาลมีแผนพัฒนาที่นั่นให้เป็นสนามบินนานาชาติ รองรับเครื่องบินโดยสารได้จากทั่วโลกภายในปี 2563 หรืออีกประมาณ 10 ปีข้างหน้า

เรื่องนี้อยู่ในแผนแม่บทพัฒนาเกาะใหญ่ในอ่าวไทย เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและบริการระดับอนุภูมิภาค ที่ประกาศเมื่อปี 2548
<br><FONT color=#cc00> ท่าอากาศยานเตินเซินเญิ๊ต (Tan Son Nhat) นครโฮจิมินห์ขยายเฟสที่ 2 มีอาคารผู้โดยสารเพิ่มอีก 1 หลัง (มองเห็นอยู่เบื้องหลัง) แต่ขยายต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เมื่อก่อนอยู่นอกเมืองราว 8 กม. แต่ในปัจจุบันอยู่ในใจกลางเมือง  </FONT></br>
ตามแผนการที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ ท่าอากาศยานนานาชาติฟุก๊วก จะรับเครื่องบินโดยสารได้พร้อมกัน 20 ลำในชั่วโมงเร่งด่วน และ รับผู้โดยสารได้ปีละ 7 ล้านคน ซึ่งมีขนาดพอเหมาะกับพื้นที่เกาะ

ส่วนในภาคเหนือ ปีที่แล้วสนามบินโนยบ่ายรับผู้โดยสาร 7 ล้านคน ตามแผนการใหม่นี้รัฐบาลอนุมัติให้ปรับปรุงและพัฒนาสนามบินนานาชาติกรุงฮานอยต่อไปอีกจนถึงปี 2568 จนถึงปีนั้นจะมีลานจอดสำหรับเครื่องบิน 44 ลำ อาคารผู้โดยสารรองรับได้ 30 ล้านคนต่อปี
ตามแผนการใหม่นี้กำลังจะมีการก่อสร้าง "ระบบแอร์พอร์ตลิงค์" ซึ่งประกอบด้วยการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแดงงอีก 2 จุด สร้างรถไฟฟ้าใต้ดินและระบบทางด่วนเชื่อมสนามบินนานาชาติกับเมืองหลวงที่อยู่ห่างออกไปราว 40 กม.

ในระยะยาวจะมีการขยายสนามบินแห่งนี้ต่อออกไปทางทิศใต้ ประกอบด้วยรันเวย์ที่สามารถรองรับแอร์บัส A380 กับโบอิ้ง 787 ได้ มีลานจอดที่รองรับเครื่องบินโดยได้ 88 ลำ และ เมื่อก่อสร้างอาคารผู้โดยสสารหมายเลข 2, 3 และ 4 แล้วเสร็จ โนยบ่ายจะรับผู้โดยสารได้ 50 ล้านคนต่อปี

ช่วง 2-3 ปีมานี้มีการเสนอโครงการก่อสร้างสนามบินขนาดใหญ่แห่งใหม่ใน จ.หายซเวือง (Hai Duong) ทางทิศตะวันออกของกรุงฮานอย อันเป็นเขตการผลิตอุตสาหกรรมอีกแห่งหนึ่งของภาคเหนือ

รัฐบาลอาจจะต้องใช้เงินทุนอีกราว 6,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อ “สนามบินใหญ่แห่งที่สอง” แต่ไม่ได้มีการบรรจุโครงการนี้ไว้ในแผนพัฒนายกระดับสนามบินทั่วประเทศที่เพิ่งได้รับอนุมัติ
<br><FONT color=#cc00> บริเวณหน้าอาคารผู้โดยสารหลังเก่ายังคงคับคั่ง เวียดนามมีแผนที่ใช้ที่นี่เป็นศูนย์กลาง สำหรับสายการบินต้นทุนต่ำของประเทศ ซึ่งในปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 3 สาย และ ตามแผนการจะมีทั้งหมดถึง 5 สาย  </FONT></br>
สำหรับภาคกลางของประเทศ ปัจจุบันมีท่าอากาศยานนานาชาติอยู่ 2 แห่งในนครด่าหนัง (Danang) กับสนามบินฝูบ่าย (Phu Bai) นครเหว (Hue) ทั้งสองแห่งนี้ จะได้รับการยกระดับให้เป็นสนามบินขนาดใหญ่ เครื่องบินโบอิ้ง 747 หรือ แอร์บัส A330 สามารถวิ่งขึ้นลงได้

ขณะเดียวกันก็กำลังมีการยกระดับสนามบินขนาดเล็กในย่านนี้อีก 2 แห่งที่จูลาย (Chu Lai) ในเขตอุตสาหกรรม จ.กว๋างหงาย (Quang Ngai) กับที่เกิมแร็ง (Cam Ranh) ที่อยู่ใต้ลงไปจากเมืองญาจาง (Nha Trang) จ.แค๊งฮว่า (Khanh Hoa) แหล่งท่องเทียวชายทะเลที่สำคัญในภาคกลางตอนล่าง

เมื่อการพัฒนาแล้วเสร็จเครื่องบินโบอิ้ง 737 หรือ แอร์บัส A320 จะสามารถบินขึ้นลงได้

สื่อของทางการกล่าวว่า ปัจจุบันกำลังมีการเจรจากับรัฐบาลสิงคโปร์ เพื่อเชื่อมเที่ยวบินนานาชาติไปยังท่าอากาศยานนครเหว

ส่วนที่สนามบินเกิมแร็งกำลังมีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ พร้อมกับหอบังคับการบินและระบบไฟสัญญาณในยามกลางคืนเพื่อเปิดใช้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติในปี 2552 นี้
<br><FONT color=#cc00> ภาพจาก picasaweb.google.com เดือน เม.ย.2550 เครื่อง ATR72 สายการบินเวียดนามจอดที่สนามฟุก๊วก เกาะใหญ่ในอ่าวไทย ปัจจุบันกำลังก่อสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่บนเกาะ เครื่องบินโดยสารขขนาดใหญ่จะลงจอดได้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า</FONT></br>
และที่สนามบินจูลายก็กำลังมีการปรับปรุงคล้ายกันเพื่อให้เป็นสนามบินนานาชาติ แม้ว่าศักยภาพการท่องเที่ยวของที่นั่นจะเป็นรอง แต่ด้านการบินเพื่อธุรกิจมีอนาคต เนื่องจากเป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศ หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันกล่าว

เวียดนามมองว่าสนามบินนานาชาติทั้ง 4 แห่งในภาคกลาง จะเป็นขุดเชื่อมสำคัญของการเดินทางท่องเที่ยวและการค้า ระหว่างประเทศอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงกับย่านแปซิฟิก พร้อมๆ กับการพัฒนาสนามบิน เวียดนามกำลังพัฒนาท่าเรือขนาดใหญ่หลายแห่ง ซึ่งอยู่ในเส้นทางเดินเรือเชื่อมระหว่างภาคเหนือกับภาคใต้

สื่อของทางการกล่าวว่าปัจจุบันบริษัท Middle Airport Corp (MAC) จากสิงคโปร์กำลังเจรจากับทางการเวียดนาม เพื่อเข้าลงทุนและขยายสนามบินฝูบ่าย โดยเชื่อว่าเมื่อการพัฒนาแล้วเสร็จจะมีเที่ยวบินนานาชาติจากสิงคโปร์ตรงไปที่นั่นเพิ่มขึ้น เนื่องจากเมืองมรดกโลกนครเหวเป็นปลายทางสำคัญด้านการท่องเที่ยว

เพราะฉะนั้นในอนาคตอันใกล้ เวียดนามจะมีท่าอากาศยานนานาชาติจำนวน 10 แห่ง นั่นคือ กำลังจะมีการพัฒนายกระดับอีกจำนวน 6 แห่ง คือ จูลาย เกมแร็ง ฝูบ่าย เกิ่นเทอ ฟุก๊วก และลองแถ่ง ซึ่งแห่งหลังสุดนี้จะเป็นศูนย์กลางของทั้งระบบ สื่อของทางการกล่าว
<br><FONT color=#cc00> ภาพจาก picasaweb.google.com เดือน เม.ย.2550 เครื่องบินโดยสารของวาสโกแอร์ (VASCO Air) ของเวียดนามจอดที่สนามบินเกิมแรง (Cam Ranh) ทางตอนใต้ของเมืองญาจาง (Nha Trang) ที่นี่เป็นฐานทัพเรือกับฐานทัพอากาศเก่าของสหรัฐฯ ฐานรากแน่นหนา จะเป็นท่ากาศยานนานาชาติในอนาคต </FONT></br>
ปัจจุบันสายการบินเวียดนามมีเครื่องบินใช้งานเพียงประมาณ 50 ลำ แต่ช่วง 2-3 ปีมานี้ได้เซ็นสัญญาซื้ออีกกว่า 40 ลำ รวมทั้งโบอิ้ง 787 จำนวน 16 ลำ แอร์บัส A350XWB800-900 จำนวน 10 ลำ A320 อีก 20 ลำ และ ATR72-500 จำนวน 11 ลำ ในแผนการที่จะทำให้สายการบินแห่งชาติทะยานขึ้นเป็นหนึ่งในสามสายการบินชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามแผนการดังกล่าว สายการบินเวียดนามจะมีเครื่องบินใช้งานประมาณ 105 ลำ ในปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 120 ลำใน 2563 และ ประมาณ 150 ลำในปี 2568

สื่อของทางการรายงานก่อนหน้านี้ว่า เวียดนามแอร์ไลน์มีแผนจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 787-800, 900 ถึง 28 ลำ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สายการบินแห่งชาติกล่าวว่า การจัดซื้อแอร์บัส A380 เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับอนาคต

การทะยานขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งหรือเบอร์สองในอนุภูมิภาค ไม่สามารถจะเป็นไปได้ หากไม่มีท่าอากาศยานนานาชาติที่มีมาตรฐานเพียงพอในการรองรับ.
กำลังโหลดความคิดเห็น