ASTVผู้จัดการรายวัน -- ลาวออกมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของไข้หวัดเม็กซิโก หรือ “ไข้หวัดหมู” แต่ขณะเดียวกัน ก็บอกกับประชาชนว่าไม่ควรจะแตกตื่นกับข่าวนี้จนเกินไป เนื่องจากไวรัส H1N1 ต้นเหตุของไข้หวัดชนิดใหม่นี้ ยังไม่น่ากลัวเท่ากับไข้หวัดนกเสียด้วยซ้ำ นอกจากนั้น ลาวยังเป็นประเทศไร้ทางออกทะเล ชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะเดินทางเข้าประเทศเพื่อนบ้านก่อนเข้าลาว ซึ่งช่วยลดอัตราเสี่ยงในเรื่องนี้
จนถึงขณะนี้ยังไม่พบกรณีต้องสงสัยใดๆ ในประเทศ ทางการเปิดแถลงเรื่องนี้วันอังคาร (28 เม.ย.) ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ลาว เปิดเผยว่า ได้มีการติดตั้งเครื่องสแกนเนอร์ตรวจอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานวัดไต ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติใหญ่เพียงแห่งเดียวของประเทศ
“สำหรับลาวยังไม่มีกรณีไข้หวัดหมูเกิดขึ้น แต่มีความจำเป็นเพื่อเสนอให้ประชาชนลาวได้รับรู้และไม่ให้แตกตื่นต่อกรณีดังกล่าว ส่วนอีกด้านหนึ่งเพื่อให้ทราบวิธีป้องกันไม่ให้เกิด (การแพร่ระบาด) ขึ้น...” หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่อ้างคำกล่าวของ นพ.เอกสะหว่าง วงวิจิต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระหว่างการแถลงข่าว
การออกแถลงดังกล่าวมีผู้แทนองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ประจำลาวเข้าร่วมด้วย เจ้าหน้าที่ผู้นี้ได้ยืนยันว่า ที่ผ่านมา ยังไม่พบการแพร่ระบาด หรือมีกรณีต้องสงสายใดๆ ขณะที่ WHO ได้ประกาศยกระดับการเฝ้าระวังขึ้นเป็น 3-4 ในช่วงไม่กี่วันมานี้ หนังสือพิมพ์ของทางการนครเวียงจันทน์ กล่าว
รัฐมนตรีลาว เปิดเผยว่า ทางการได้ร่วมกับองค์การอนามัยโลกจัดเตรียมศูนย์เฝ้าระวังไข้หวัดนกขึ้นมา และพร้อมจะตรวจอาการทุกรณีที่น่าสงสัย และจัดเตรียมยารักษาเอาไว้พร้อมแล้ว เพื่อรับมือกรณีที่อาจจะมีผู้ล้มป่วยด้วยไข้หวัดสุกร
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกัน ประชาชนทั่วไปต้องรักษาสุขอนามัยส่วนตัว รักษาความสะอาด ต้องปิดปากเมื่อไอ และไม่บ้วนน้ำลาย หรือเสมหะในที่สาธารณะทั่วไป และหากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ มีการอ่อนเพลีย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ
ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศลาว นานแคนทอง นวนทะสิง กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อวันพุธ (29 เม.ย.) นี้ ว่า ทางการได้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับไข้หวัดสุกรให้สาธารณชนได้รับรู้ มีการประกาศเรื่องนี้ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ พร้อมแนะนำวิธีป้องกัน
วันอังคารที่ผ่านมาได้มีการติดตั้งเครื่องสแกนเนอร์ที่ท่าอากาศยานนครเวียงจันทน์ ขณะที่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียก็กำลังใช้มาตรการเดียวกันนี้ ตรวจผู้โดยสารที่ไปกับเที่ยวบินที่ผ่านประเทศกำลังมีการแพร่ระบาด
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วนักเดินทางจะเดินทางเข้าลาว หลังจากเข้าประเทศเพื่อนบ้านก่อน ซึ่งได้ช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โฆษกของลาว กล่าว
ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ในลาวมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกเพียง 2 คนเท่านั้น เมื่อเกิดการแพร่ระบาดในปี 2550 ตั้งแต่นั้นยังไม่เคยมีกรณีต้องสงสัยใดๆ อีก ขณะที่รัฐบาลยังคงเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด
สำหรับกัมพูชา ทางการได้ตรวจอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสารเที่ยวบินต่างๆ ที่เดินทางเข้าสนามบินโปเจินตง (Pochentong) กับสนามบินเสียมราฐ-อังกอร์ (Siem Reap-Angkor) ติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อวันพุธนี้ และยังไม่พบกรณีต้องสงสัยใดๆ สื่อออนไลน์ในประเทศนี้กล่าว
แต่ในเวียดนามซึ่งเป็นปลายทางที่ใหญ่กว่าของนักเดินทางจากทั่วโลก รัฐบาลได้ประกาศยกระดับการเฝ้าระวังเป็นระดับ 4 และประกาศใช้งบประมาณราว 352,000 ดอลลาร์ ในการดำเนินมาตรการต่อต้านไวรัส H1N1
ในนครโฮจิมินห์ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของประเทศ ทางการได้ระดมโรงพยาบาลแห่งต่างๆ ที่เคยร่วมกันต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจอักเสบรุนแรง หรือ “โรคซาร์ส” (SARS) เมื่อปี 2528 เข้าร่วมการณรงค์ต่อต้าน ไข้หวัดสุกรอีกครั้งหนึ่ง
ตามรายงานที่ตีพิมพ์เผยแพร่บนเว็บไซต์พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเมื่อวันพุธนี้ ทางการได้ยกระดับการตรวจตราผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นในช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.-3 พ.ค.นี้
นายเลแองต๋วน (Le Anh Tuan) ผู้อำนวยการสำนักอนามัยกรุงฮานอยเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจะปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์กักกัน ท่าอากาศยานโนยบ่าย (Noi Bai) ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงวันหยุดยาว 4 วันข้างหน้านี้ และหากพบผู้โดยสารคนใดมีอุณหภูมิร่างกายสูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไปจะถูกเชิญตัวเข้ารับการเฝ้าระวังอย่างเป็นพิเศษที่ศูนย์กักกันแห่งนั้น
“เราได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำทางเข้าต่างๆ แห่งละ 5-10 คน ที่ท่าอากาศยานโนยบ่ายเพื่อตรวจเช็คผู้โดยสาร” นายต๋วน กล่าว
นายเหวียนก๊วกเจียว (Nguyen Quoc Trieu) รัฐมนตรีสาธารณสุขเวียดนามได้ไปยังสนามบินตรวจตราความพร้อมของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ส่วนนายเหวียนเตี๋ยนฮวา (Nguyen Tien Hoa) รัฐมนตรีช่วยว่าวิตก ว่า หากเกิดกรณีฉุกเฉินอาจจะมีเจ้าหน้าที่ไม่พอช่วยปฏิบัติการ นอกจากนั้น เครื่องสแกนเนอร์จำนวน 3 เครื่องที่ท่าอากาศยานกรุงฮานอยก็ทำงานได้เพียงเครื่องเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธ ทางการกรุงฮานอยได้จัดเตรียมอุปกรณ์หลายรายการไปเพิ่มเติมที่สานามบินรวมทั้งเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายแบบมือถือจำนวน 100 ชิ้นด้วย รายงานบนเว็บไซต์กล่าว
เจ้าหน้าที่เวียดนาม กล่าวว่า ในกรุงฮานอยมียาทามิฟลู (Tamiflu) ที่ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นไข้หวัดนกเพียงพอสำหรับ 500 คน และสัปดาห์นี้ได้สั่งซื้อด่วนจากต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่ง
ส่วนในโฮจิมินห์ซึ่งเป็นประตูเข้าประเทศใหญ่ที่สุดมีการเตรียมการเรื่องนี้อย่างคึกคักที่สุด ทั้งที่ท่าอากาศยานเตินเซินเญิต (Tan Son Nhat) และที่ท่าเรือไซ่ง่อน โรงพยาบาลแห่งต่างๆ ได้ระดมบุคลากรทางการแพทย์ไปร่วมการตรวจเช็กแบบเต็มอัตรา สื่อของทางการกล่าว