ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – จีน ยังคงเดินหน้าพัฒนาการเดินเรือผ่านน้ำโขง เสริมโครงการถนนคุนหมิง-กรุงเทพฯ ต่อเนื่อง อธิบดีกรมควบคุมการเดินเรือหยุนหนัน ยืนยันปี 2010 เรือ 500 ตันวิ่งขึ้น-ลงได้ตลอดทั้งปีแน่ หลังสร้าง 2 เขื่อนกั้นน้ำโขงเสร็จ ขณะที่กลุ่ม “มณีต้าหมิง” นิติบุคคลจีนของทุนไทย 100% เตรียมดึงบริษัทเดินเรือไทยร่วมเปิดบริการขนส่งคอนเทนเนอร์ – Truck Terminal รองรับ
นโยบายเปิดเส้นทางออกทะเลให้แก่ 5 มณฑลตอนใต้ของ สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากมีโครงการการก่อสร้างทางด่วนคุนหมิง-กรุงเทพฯ ในเขตจีน ตั้งแต่เมืองคุนหมิง – ด่านชายแดนโม่หาน หรือที่เรียกกันว่าบ่อหาน มณฑลหยุนหนัน ใกล้เสร็จสมบูรณ์ 100% โดยตามแผนงานเบื้องต้น จีน กำหนดให้เสร็จภายใน 8 มิถุนายน 2551 เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับ R3a ใน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) ที่ขณะนี้กล่าวได้ว่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว รอเพียงสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมเข้ากับโครงข่ายคมนาคมในประเทศไทย ที่มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2554 และถนน R3b ผ่านทางเชียงตุง – ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่าที่ก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว
ทางการ จีน ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเส้นทางการขนส่งทางน้ำผ่านแม่น้ำโขง ขึ้นฝั่งที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ของไทยอย่างเต็มที่เช่นกัน โดย นาย ธเนตร อมรพัชร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการศูนย์ธุรกิจไทย-จีน บริษัทมณีต้าหมิง จำกัด นิติบุคคลสัญชาติจีน ที่มีทุนไทยถือหุ้น 100% เพียงรายเดียวใน จีน เปิดเผยว่า เขาได้รับการยืนยันจากนายเฉียวซินหมิน อธิบดีกรมควบคุมการเดินเรือ มณฑลหยุนหนันว่า นโยบายในการพัฒนาการขนส่งผ่านแม่น้ำโขง ยังเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของแผนพัฒนาเส้นทางคมนาคมเปิดทางออกสู่ทะเลให้ 5 มณฑลตอนใต้ของจีนอยู่
ตามแผนงานที่กำหนดไว้แล้ว ภายในปี ค.ศ.2010 หรือ พ.ศ.2553 การเดินเรือสินค้า-ท่องเที่ยว ขนาด 500 ตันกรอส ในแม่น้ำโขงจากเมืองเชียงรุ่ง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา – ประเทศไทย จะสามารถดำเนินการได้ตลอดทั้งปีแน่นอน โดยขณะนี้ทางการจีนกำลังเร่งก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงทางเหนือเมืองเชียงรุ่ง 2 เขื่อน หากก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็จะทำให้สามารถควบคุมระดับน้ำสนับสนุนการเดินเรือได้ตลอดทั้งปีแน่นอน จากเดิมที่บรรทุกได้เพียง 200-300 ตัน และวิ่งได้เฉพาะฤดูฝน ขณะที่ฤดูแล้งต้องรอให้มีการเปิดประตูน้ำเป็นช่วง ๆ ก่อน
นอกจากนี้ยังจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าระหว่างไทย-จีนลงอีกมาก เนื่องจากการขนส่งทางเรือสามารถทำได้เที่ยวละ 500 ตัน ขณะที่การขนส่งทางบก จะบรรทุกได้เต็มที่เพียง 20-30 ตันเท่านั้น อีกทั้งยังร่นระยะทางการขนส่งได้อีกส่วนหนึ่ง โดยการขนส่งผ่านแม่น้ำโขงจาก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย – ท่าเรือกวนเหล่ย (ท่าเรือคอนเทนเนอร์) เขตเมืองลา – เชียงรุ่ง จะมีระยะทางเพียง 375 กิโลเมตร (กม.)ขณะที่การขนส่งทางบกจากชายแดน อ.เชียงของ จ.เชียงราย – เชียงรุ่ง มีระยะทางรวมไม่น้อยกว่า 447 กม.
“ขณะที่ต้นทุนเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง ยังมีราคาสูงขึ้นทุกวันอย่างนี้ เรายังเชื่อว่า การขนส่งสินค้าทางเรือ จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในอนาคตสำหรับการค้าไทย-จีน” นายธเนตร กล่าว
นางกัลยาณี รุทระกาญจน์ ประธานกรรมการบริษัท มณีต้าหมิง จำกัด ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดงานแสดงสินค้า – ขายปลีก จากรัฐบาล จีน ตามนโยบายเปิดพื้นที่ฝั่งตะวันตกเชื่อมกับอาเซียน เพียงรายเดียวอยู่ในขณะนี้ และเป็นนิติบุคคลสัญชาติจีน ที่ถือหุ้นโดยคนไทย 100% มีธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(SMEs แบงก์)ร่วมถือหุ้นอยู่ด้วย กล่าวว่า โดยตัวของใบอนุญาตที่บริษัทได้รับจากรัฐบาลจีน กล่าวได้ว่าสามารถทำธุรกิจในจีนได้ทุกประเภทอยู่แล้ว และบริษัทเองก็เห็นว่า การขนส่งทางน้ำเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในยุควิกฤตน้ำมันอย่างนี้
นอกจากนี้การขนส่งทางรถยนต์ผ่านพม่า-สปป.ลาว ยังอาจจะมีปัญหาในหลายประเด็น เช่น กรณีถนน R3b ผ่านพม่านั้น จะต้องผ่านด่านตรวจที่อาจมีต้นทุนแฝงอยู่ไม่น้อยกว่า 18 ด่านก่อนเข้าเขต จีน ส่วนการขนส่งผ่าน สปป.ลาว แม้ถนนจะเสร็จ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีข้อตกลงเรื่องการผ่านทางที่ชัดเจน แม้ว่าจะมีความตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดน ในกลุ่มประเทศภูมิภาคแม่น้ำโขง เช่น กัมพูชา พม่า ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ (มณฑลหยุนหนัน และกว่างสี) จะเริ่มใช้ในวันที่ 11 มิถุนายน 2551 ว่า ต้องติดแผ่นป้ายทะเบียนรถภาษาอังกฤษ ซึ่งแสดง ชื่อประเทศ หมายเลขทะเบียนรถ หมายเลขประจำหมวด และรหัสจังหวัด ก็ตาม
แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาดูเหมือน สปป.ลาว จะย้ำเกี่ยวกับการขนส่งผ่านถนน R3a ว่า มีเฉพาะจีน-ไทยเท่านั้น ที่ได้ประโยชน์ ทำให้อาจจะต้องมีเงื่อนไขอื่น ๆ ถูกนำมาใช้ประกอบก่อนที่จะเปิดให้ขนส่งสินค้า-คนผ่านเส้นทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งในเรื่องการค่าประกันรถต่างชาติ – ค่าผ่านทาง เป็นต้น
ดังนั้น ภายใน 1-2 เดือนนี้ บริษัทจะเริ่มฟื้นโครงการขนส่งไทย-จีนผ่านแม่น้ำโขงด้วยเรือคอนเทนเนอร์อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยดำเนินการเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่ติดปัญหากลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ ล่าสุดบริษัทได้ตกลงร่วมมือกับบริษัทเดินเรือสัญชาติไทยที่มีกองเรือเดินสมุทรอยู่แล้วเข้ามาให้บริการขนส่งผ่านแม่น้ำโขง ภายใต้ไลเซนส์ของบริษัท โดยจะเริ่มให้บริการในช่วง 1-2 เดือนนี้เพื่อขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการไทย – ต่างประเทศ ที่จะเข้าไปร่วมงานคุนหมิงแฟร์ 2008
หลังจากนั้นบริษัทจะเจรจาหาผู้ร่วมทุน เข้ามาลงทุนก่อสร้าง Truck Terminal ใน จีน เพื่อรองรับขบวนรถขนส่งขึ้น-ล่อง ตามแนวทางด่วนคุนหมิง-กรุงเทพฯ ที่ปริมาณการขนส่งจะต้องขยายตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้อีกหลายเท่าตัวต่อไปด้วย