เชียงราย – ลาวเปิดใช้สนามบินหลวงน้ำทารับการค้า-ลงทุน-การท่องเที่ยว เชื่อปี 53 มีนักท่องเที่ยวจากโลกตะวันตกเข้าพื้นที่เพิ่มอีกเท่าตัว ขณะที่ถนน R3a ช่วยดึงคนไทยได้แน่ ด้านการลงทุนคึกคัก แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นกลุ่มทุนจากจีน ขณะที่นักธุรกิจท่องเที่ยวเมืองพ่อขุนฯชิมลางเปิดร้านอาหาร-ห้องพักริมถนนจีน-ลาว-ไทย ด้านผู้ว่าฯเชียงราย ยอมรับแผนพัฒนารับเส้นทางคมนาคมไทย-จีนหลายโครงการช้า
นอกจากที่ประชุมผู้นำกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงที่นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว )เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับทราบและให้เปิดใช้เส้นทาง R3a ที่เป็นส่วนหนึ่งของถนนคุน-มั่ง กงลู่ (คุนหมิง-กรุงเทพฯ) จากชายแดนลาว-จีน ถึงชายแดนลาว-ไทย ระยะทาง 251 กิโลเมตร(กม.) อันเป็นการเปิดใช้ระหว่างรอการประเมินผลงานของผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่ต้องใช้ระยะเวลาประเมินผล 1 ปี หรือจนถึงปี 2552 จึงจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการ พร้อมกับรอเชื่อมต่อเข้ากับสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 (เชื่อมถนน R3a จากเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว – อ.เชียงของ จ.เชียงราย) อันจะมีผลกระตุ้นการค้า – การลงทุน และการท่องเที่ยวตลอดแนวเส้นทางอย่างแน่นอนแล้ว
สิ้นเดือนมีนาคม 2551 แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว หัวเมืองชายแดนลาว-จีน ที่ส่วนหนึ่งของถนน R3a ตัดผ่าน ยังได้เปิดใช้สนามบินหลวงน้ำทา ขนาดรันเวย์กว้าง 40 เมตร ยาว 2 กม. ที่สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ได้ โดยจะมีการบินด้วยสายการบินลาวแอร์ไลน์ บินระหว่างเมืองหลวงน้ำทา-เวียงจันทน์ ในวันจันทร์ พุธและศุกร์ หรือสัปดาห์ละ 6 เที่ยวบิน (รวมไปกลับ) เท่านั้น
ท่านพันทอง พัดทุมมา รองเจ้าแขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการบินออกไปต่างประเทศจากสนามบินหลวงน้ำทา แต่ในอนาคตก็ต้องดูที่นโยบายรัฐบาล อย่างไรก็ตาม อยากให้มีการบินเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของแขวงหลวงน้ำทา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างกันและนโยบายในอนาคตต่อไป
ท่านพันทอง กล่าวย้ำว่า หลวงน้ำทากำลังมีการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว เพราะเรามีสิ่งดีๆ ทางธรรมชาติ ขนมธรรมเนียมและชนเผ่าต่างๆ มากมาย ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวไปเยือนหลวงพระบางกว่า 50,000 คน แต่ภายในปี 2553 นี้ตั้งเป้าจะให้ถึง 100,000 คน โดยผู้คนส่วนใหญ่ที่ไปเยือนมาจากตะวันตกและส่วนน้อยที่เป็นคนไทย แต่เมื่อถนน R3a เสร็จ ก็คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยไปเยือนมากขึ้น
ด้านนายปรีชา กมลบุตร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า เขาเคยนำคณะหัวหน้าส่วนราชการในเชียงราย ออกสำรวจถนน R3a ตั้งแต่ใน สปป.ลาว ไปจนถึงเมืองคุนหมิง แล้ว พบว่า สภาพการจราจรดีมากและให้ความสะดวกกว่าทางเรือ สามารถเดินทางไปมาได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งไม่มีด่านรายทางภายในประเทศเหมือนบางประเทศ ทำให้ง่ายต่อการลงทุน ส่งผลให้ปัจจุบันมีทุนจีนเข้าไปลงทุนสร้างโรงแรม ตลาด ศูนย์กระจายสินค้า ฯลฯ ในแขวงหลวงน้ำทาอย่างคึกคัก
ดังนั้นจึงขอแนะนำให้นักธุรกิจไทยได้เข้าไปลงทุนด้านการท่องเที่ยว การบริการ สินค้าอุปโภคบริโภค เพราะคนไทยมีความถนัดที่สุดอยู่แล้ว
“การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงของ อาจจะช้าไปแล้ว เพราะปัจจุบันถนนได้สร้างเสร็จแล้ว รวมไปถึงทำให้โครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่ อ.เชียงของ และการก่อสร้างลงทุนอื่นๆ ล่าช้าไปด้วย”
สำหรับความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนของภาคเอกชนไทยในแขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ล่าสุดนายอนุรัตน์ อินทร เลขาธิการหอการค้า จ.เชียงราย เจ้าของร้านอาหาร "ภูแล" และ "วีทู" ที่เลื่องชื่อบนถนนบรรพปราการ เทศบาลนครเชียงราย อ.เมือง และนายสุรนาถ ทวีทรัพย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พี.บี.ทราเวล เอเจนซี่ เซ็นเตอร์ จำกัด นักธุรกิจนำเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ได้ร่วมกันเปิดกิจการร้านอาหาร "เฮือนลาว" อยู่ที่เมืองหลวงน้ำทา แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว โดยเลือกทำเลร้านติดถนน R3a ที่ตัดผ่านไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ เพื่อรองรับลูกค้าและนักท่องเที่ยว ด้วยการเข้าไปเทกโอเวอร์ต่อจากนักธุรกิจลาวที่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถทำกิจการต่อ
ร้าน “เฮือนลาว” นอกจากจะเป็นร้านอาหารขนาด 30 โต๊ะรองรับลูกค้าได้ครั้งละ 200 คนแล้ว ยังมีห้องพักให้ค้างคืนรวม 7 ห้อง
นายอนุรัตน์ กล่าวว่า หลวงน้ำทาถือเป็นศูนย์กลางใน R3a เพราะห่างจาก อ.เชียงของ ประมาณ 196 กม. ใช้เวลาเดินทางราว 4 ชั่วโมง และห่างจากบ่อหาน-บ่อเต็น ชายแดนจีนกับ สปป.ลาว ประมาณ 55 กม.ซึ่งจากบ่อหานสามารถไปยังเมืองเชียงรุ้งหรือจิ่งหง เขตสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนันได้ด้วย ดังนั้น ทั้งขาขึ้น-ขาล่อง จะมาถึงหลวงน้ำทาเวลาพักเที่ยงพอดี หรือหากเดินทางออกสายก็จะถึงเย็น ดังนั้น จึงเหมาะกับการตั้งร้านอาหาร โดยมีเป้าหมายหลักคือนักท่องเที่ยวทั้งที่มาจากตะวันตกและคนไทย รวมทั้งกรุ๊ปทัวร์ที่บริษัทฯ จัดขึ้นอยู่แล้ว