ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ทางการคอมมิวนิสต์เวียดนามได้จัดระเบียบใหม่ร้านและสถานบริการคาราโอเกะ ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ แต่จำนวนมากได้กลายเป็นแหล่งอาชญากรรม ยาเสพติด ตลอดจนการค้าประเวณี ซึ่งเป็น “สิ่งชั่วร้ายทางสังคม” แต่ระเบียบใหม่ที่จะเริ่มในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็มีบทอะลุ้มอล่วย
ระเบียบใหม่ที่ออกโดยกระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว ได้ห้ามเด็ดขาดมิให้มีการเต้นรำในร้านคาราโอเกะทั่วไป หลังจากได้พบว่า กิจกรรมนี้มักเกิดขึ้นหลังจากมีการเสพยาเสพติดประเภท “ยาอี” (Ecstasy) เข้าไปแล้ว
ระเบียบใหม่ยังคงคำสั่งเดิมที่ห้ามมิให้เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและมีกิจกรรมทางเพศต่างๆ อีกด้วย ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์แทงเนียน
นับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา กฎระเบียบใหม่นี้ยังห้ามจังหวัดและนครต่างๆ ออกใบอนุญาตให้แก่สถานประกอบการประเภทบาร์และคาราโอเกะบาร์กับดิสโกเธคอีก ยกเว้นจังหวัดและนครที่ได้เสนอแผนการพัฒนาธุรกิจประเภทนี้ และได้รับอนุญาตจากกระทรวงวัฒนธรรมไปแล้ว ซึ่งปรากฏว่าในนั้นมี 48 จังหวัดจากทั้งหมด 63 จังหวัดกับนคร ที่ได้ดำเนินการดังกล่าวและได้รับอนุญาต
ระเบียบใหม่ของกระทรวงวัฒนธรรม จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ศกนี้ เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังเคร่งครัดจัดระเบียบสถานคาราโอเกะกับบาร์ประเภทที่มีการเต้นรำ ซึ่งจะต้องปิดลงในเวลาเที่ยงคืน ทางการได้อนุญาตให้สถานคาราโอเกะตามโรงแรมสี่และห้าดาว สามารถเปิดให้บริการได้จนถึงเวลาสองนาฬิกาของวันใหม่ โดยอ้างว่าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในยามที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ
เจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม อธิบายว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมกับการท่องเที่ยวที่ระบุว่า แขกที่ใช้บริการรวมทั้งนักท่องเที่ยวระดับบนต่างเรียกร้องให้ทางการอะลุ้มอล่วย ให้สถานบันเทิงตามโรงแรมหรูขยายเวลาให้บริการออกไปได้จนถึงตีสอง
เจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า เหตุผลสำคัญที่อนุญาตให้ขยายเวลาได้เฉพาะตามโรงแรมใหญ่เป็นปัญหาด้านการจัดการ เนื่องจากกระทรวงฯ ไม่มีกำลังพอที่จะตรวจตราตามโรงแรมสามดาวกว่า 175 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่ตามโรงแรมหรูมีระบบจัดการเรื่องเหล่านี้ดีกว่า
กระทรวงวัฒนธรรม ได้เปิดรับความคิดเห็นจากสาธารณชนทั่วไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ เกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ที่ควรจะใช้จัดระเบียบสถานคาราโอเกะและแหล่งบันเทิงต่างๆ ที่กำลังเป็นปัญหาต่อสังคม
“การห้ามเต้นรำในร้านคาโอเกะก็เพื่อป้องกันความชั่วร้ายทางสังคมต่างๆ รวมทั้งการใช้ยาอีตามสถานที่ต่างๆ เหล่านั้น มาตรการนี้มีขึ้นหลังจากตำรวจได้พบว่าการเต้นรำเกือบทั้งหมดในคาราโอเกะบาร์เกิดขึ้นหลังจากมีการเสพยาเสพติดชนิดนี้” เจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรมผู้หนึ่งกล่าวกับหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟง (Tien Phong)
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ต้นปี 2548 ซึ่งตำรวจได้บุกเข้าตรวจค้นสถานคาราโอเกะกับบาร์ที่มีการเต้นรำตามจังหวัดและนครทั่วประเทศ ในความพยายามจัดระเบียบครั้งใหญ่ เจ้าหน้าที่ได้พบว่าสถานบันเทิงประเภทนี้จำนวนมาก ถูกใช้เป็นแหล่งมั่วสุมเกี่ยวกับยาเสพติด
ปีเดียวกันนั้นนายกรัฐมนตรีได้ออกเป็นคำสั่งของฝ่ายบริการเพื่อจัดการกับปัญหานี้ และในปีต่อมาก็ได้กลายเป็นกฎหมายที่ผ่านการลงมติจากรัฐสภา โดยมีรายละเอียดออกมาอีกจำนวนหนึ่ง
ระเบียบที่ออกโดยกระทรวงวัฒนธรรมฯ ล่าสุดนี้ ยังคงห้ามเปิดสถานคาราโอเกะภายในรัศมี 200 เมตรจากสถานศึกษา แหล่งมรดกทางวัฒนธรรม โรงพยาบาล และ ศาสนสถานต่างๆ แต่ก็ยังอะลุมอะล่วยให้สถานบันเทิงที่มีมาก่อนจะมีการออกกฎหมายเมื่อปี 2549 สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้จนกว่าใบอนุญาตจะหมดอายุลง
ปัจจุบันจึงยังมีสถานบันเทิงที่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบที่ออกใหม่นี้มากมายในนครโฮจิมินห์ เนื่องจากเปิดให้บริการมาก่อน
**ขยายเวลาอีก 2 ชั่วโมง**
เจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า การอนุญาตให้สถานบันเทิงประเภทบาร์ คาราโอเกะ ไนต์คลับ หรือ ดิสโกเธค ตามโรงแรมใหญ่ขยายเวลาให้บริการออกไปได้อีก 2 ชั่วโมงนั้น เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจโดยแท้ และในอนาคตอาจจะกำหนดให้กลับมาปิดเวลาเที่ยงคืนอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้
กระทรวงวัฒนธรรม จัดสำรวจความคิดเห็นจากบุคคลในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศจำนวน 1,000 ราย ได้พบว่า 77% ต้องการให้สถานบันเทิงต่างๆ เหล่านี้เปิดบริการได้ถึงหลังเที่ยงคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนครโฮจิมินห์ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามเจาะจงไปยังสถานบันเทิงประเภทคาราโอเกะ กับบาร์ที่มีการเต้นรำมากที่สุด
กระทรวงวัฒนธรรม ยืนยันว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่เพียงพอที่จะอะลุ้มอล่วยจนถึงโรงแรมระดับ 3 ดาว ขยายระเบียบใหม่
กฎระเบียบใหม่มีเนื้อหาสำคัญ คือ ห้องคาราโอเกะต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 40 ตารางเมตร มีกระจกโปร่งสามารถมองเห็นจากภายนอกได้อย่างชัดเจน มีความสว่างไม่ต่ำกว่า 40 แรงเทียนต่อพื้นที่ทุก 40 ตร.ม.ไม่มีระบบล็อคประตูจากด้านใน
ส่วนสถานบันเทิงประเภทคลับที่มีการเต้นรำ จะต้องมีพื้นที่อย่างน้อย 80 ตร.ม.และต้องดำเนินการโดยบุคคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมเฉพาะด้านมาอย่างดี จะต้องติดกฎระเบียบให้ผู้บริการสามารถมองเห็นชัดเจน รวมทั้งแจ้งเวลาเปิด-ปิด การห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าใช้บริการ รวมทั้งตลอดจนการแต่งกายของผู้ไปใช้บริการด้วย
สำหรับบาร์เต้นรำนี้จะต้องมีความสว่าง 40 แรงเทียนทุก 20 ตร.ม.คือ สว่างกว่าร้านคาราโอเกะทั่วไป เตี่ยนฟงกล่าว
หลายปีมานี้พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้กำชับให้รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหา “ความชั่วร้ายทางสังคม” (Social Evils) ให้หมดไป ซึ่งหมายถึง การฉ้อราษฎร์บังหลวง ยาเสพติด และการค้าประเวณี พรรคคอมมิวนิสต์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้เกิดจากความไม่สมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจกับการพัฒนาทางวัฒนธรรมและศีลธรรม