ASTVผู้จัดการรายวัน - ประธานคณะกรรมการตรวจสอบภาษีสรรพสามิตซานติกาเผยวันนีได้ข้อสรุปหลังถกข้อมูลดีเอสไอ ชี้แนวทางจัดเก็บภาษีไม่ขึ้นอยู่กับเจตนา หากพบมีการเต้นรำหรือมีพฤติกรรมตามที่กฎหมายระบุต้องจัดเก็บและต้องย้อนหลังด้วย เสียงอ่อยหาคนผิดเป็นอีกประเด็น
นายสถิต ลิ่มพงษ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการเสียภาษีสรรพสามิตสถานบริการ กรณีซานติกาผับ เปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ ) ได้ส่งข้อมูลการสอบสวนที่เกี่ยวข้องมาให้ตนเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา จากนั้นในวันที่ 23 ก.พ.นี้ ตนจะนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการฯและตัดสินผลในวันเดียวกัน
"ดีเอสไอได้ติดตามคดีซานติก้ามาโดยตลอด ข้อมูลจึงมีความสำคัญต่อการประชุม แต่ผลการตรวจสอบจะออกมาในทิศทางใด ต้องรอการพิจารณาจากที่ประชุมเสียก่อน" นายสถิตกล่าวและว่า หากเป็นความเห็นส่วนตัว ตนมองว่าการจะต้องจัดเก็บภาษีซานติก้าหรือไม่ขึ้นกับเจตนา แม้ว่าซานติก้าจะจดทะเบียนเป็นร้านอาหาร ไม่ใช่ดิสโก้เทคหรือไนท์คลับ ตามพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546 ที่กำหนดให้การจัดเก็บภาษีสถานบริการประเภทไนท์คลับ และดิสโกเธค ต้องจัดเก็บภาษีจากรายรับของสถานที่สำหรับดื่มกินและเต้นรำ โดยจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือใช้เครื่องเสียงหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง แต่หากพบว่าซานติก้าปล่อยให้มีการเต้นรำ หรือมีพฤติกรรมตามที่กฎหมายระบุต้องจัดเก็บก็ต้องจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและจะต้องจัดเก็บย้อนหลังด้วย
"หากปล่อยให้ผู้กระทำผิดที่อ้างหรือจดทะเบียนเป็นร้านอาหารแต่ปล่อยให้ลูกค้าเต้นจริงจังในร้านเหมือนเป็นดิสโก้เทค หรือกรณีสถานบริการอาบ อบ นวด ซึ่งไม่จดทะเบียนเป็นอาบ อบ นวด แต่มีพฤติกรรมดังกล่าว ก็ต้องมีความผิดเพราะเท่ากับเขาเลี่ยงภาษีและไม่จดทะเบียนตามกฎหมายกำหนดจะต้องดำเนินคดีเก็บภาษีและย้อนหลังด้วย"
นายสถิตกล่าวยอมรับว่า หากดำเนินการกับซานติก้า จะส่งผลให้ร้านอาหารที่เข้าข่ายเดียวกับซานติก้าที่มีอยู่กว่า 2 หมื่นแห่งในพื้นที่จัดเก็บภาษี 3 ก็ต้องเสียภาษีสรรพสามิตด้วย
สำหรับความรับผิดชอบของนางสิรินุช พิศลยบุตร อธิบดีกรมสรรพสามิต นั้น นายสถิตกล่าวว่า หากผลในทางกฎหมายระบุว่าซานติก้าผิด อธิบดีคงไม่ได้มีความผิดด้วย เพราะหน้าที่ของอธิบดีกรมสรรพสามิตแม้จะดูแลการจัดเก็บโดยรวมแต่ไม่ใช่การตามเก็บภาษีทุกหน่วยภาษี เช่นเดียวกับหน้าที่ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ไม่ได้ตามจับโจรผู้ร้ายทุกสถานการณ์แต่เป็นการดูแลภาพรวม
อย่างไรก็ตามหาก จะมีความผิดก็อาจจะเกี่ยวข้องกับการให้ความเห็นว่าจะต้องจัดเก็บภาษีสรรพสามิตซานติก้าหรือไม่ ซึ่งหากผลในทางคดีระบุต้องจัดเก็บแล้วอธิบดีเห็นอีกอย่างก็อาจมีความผิดเช่นที่เกิดขึ้นกับนายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ที่มีความเห็นไม่ต้องจัดเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป จนต้องออกจากราชการ
ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติละเว้นการจัดเก็บจะมีความผิดหรือไม่ต้องพิจารณาไปตามกรณีว่าจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือได้ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบการเสียภาษีสรรพสามิตซานติก้าได้รับการแต่งตั้งจาก น.พ.พฤติชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ที่กำกับดูแลกรมสรรพสามิต เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีเส้นตายให้ตรวจสอบ 15 วัน โดยนอกจากจะตรวจสอบการเสียภาษีซานติก้าแล้วจะนำมาผลสรุปมาเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสถานบริการทั้งระบบด้วย.
นายสถิต ลิ่มพงษ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการเสียภาษีสรรพสามิตสถานบริการ กรณีซานติกาผับ เปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ ) ได้ส่งข้อมูลการสอบสวนที่เกี่ยวข้องมาให้ตนเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา จากนั้นในวันที่ 23 ก.พ.นี้ ตนจะนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการฯและตัดสินผลในวันเดียวกัน
"ดีเอสไอได้ติดตามคดีซานติก้ามาโดยตลอด ข้อมูลจึงมีความสำคัญต่อการประชุม แต่ผลการตรวจสอบจะออกมาในทิศทางใด ต้องรอการพิจารณาจากที่ประชุมเสียก่อน" นายสถิตกล่าวและว่า หากเป็นความเห็นส่วนตัว ตนมองว่าการจะต้องจัดเก็บภาษีซานติก้าหรือไม่ขึ้นกับเจตนา แม้ว่าซานติก้าจะจดทะเบียนเป็นร้านอาหาร ไม่ใช่ดิสโก้เทคหรือไนท์คลับ ตามพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546 ที่กำหนดให้การจัดเก็บภาษีสถานบริการประเภทไนท์คลับ และดิสโกเธค ต้องจัดเก็บภาษีจากรายรับของสถานที่สำหรับดื่มกินและเต้นรำ โดยจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือใช้เครื่องเสียงหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง แต่หากพบว่าซานติก้าปล่อยให้มีการเต้นรำ หรือมีพฤติกรรมตามที่กฎหมายระบุต้องจัดเก็บก็ต้องจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและจะต้องจัดเก็บย้อนหลังด้วย
"หากปล่อยให้ผู้กระทำผิดที่อ้างหรือจดทะเบียนเป็นร้านอาหารแต่ปล่อยให้ลูกค้าเต้นจริงจังในร้านเหมือนเป็นดิสโก้เทค หรือกรณีสถานบริการอาบ อบ นวด ซึ่งไม่จดทะเบียนเป็นอาบ อบ นวด แต่มีพฤติกรรมดังกล่าว ก็ต้องมีความผิดเพราะเท่ากับเขาเลี่ยงภาษีและไม่จดทะเบียนตามกฎหมายกำหนดจะต้องดำเนินคดีเก็บภาษีและย้อนหลังด้วย"
นายสถิตกล่าวยอมรับว่า หากดำเนินการกับซานติก้า จะส่งผลให้ร้านอาหารที่เข้าข่ายเดียวกับซานติก้าที่มีอยู่กว่า 2 หมื่นแห่งในพื้นที่จัดเก็บภาษี 3 ก็ต้องเสียภาษีสรรพสามิตด้วย
สำหรับความรับผิดชอบของนางสิรินุช พิศลยบุตร อธิบดีกรมสรรพสามิต นั้น นายสถิตกล่าวว่า หากผลในทางกฎหมายระบุว่าซานติก้าผิด อธิบดีคงไม่ได้มีความผิดด้วย เพราะหน้าที่ของอธิบดีกรมสรรพสามิตแม้จะดูแลการจัดเก็บโดยรวมแต่ไม่ใช่การตามเก็บภาษีทุกหน่วยภาษี เช่นเดียวกับหน้าที่ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ไม่ได้ตามจับโจรผู้ร้ายทุกสถานการณ์แต่เป็นการดูแลภาพรวม
อย่างไรก็ตามหาก จะมีความผิดก็อาจจะเกี่ยวข้องกับการให้ความเห็นว่าจะต้องจัดเก็บภาษีสรรพสามิตซานติก้าหรือไม่ ซึ่งหากผลในทางคดีระบุต้องจัดเก็บแล้วอธิบดีเห็นอีกอย่างก็อาจมีความผิดเช่นที่เกิดขึ้นกับนายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ที่มีความเห็นไม่ต้องจัดเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป จนต้องออกจากราชการ
ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติละเว้นการจัดเก็บจะมีความผิดหรือไม่ต้องพิจารณาไปตามกรณีว่าจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือได้ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบการเสียภาษีสรรพสามิตซานติก้าได้รับการแต่งตั้งจาก น.พ.พฤติชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ที่กำกับดูแลกรมสรรพสามิต เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีเส้นตายให้ตรวจสอบ 15 วัน โดยนอกจากจะตรวจสอบการเสียภาษีซานติก้าแล้วจะนำมาผลสรุปมาเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสถานบริการทั้งระบบด้วย.