xs
xsm
sm
md
lg

ชาวไร่เวียดนามจุก “กาแฟขี้เพียงพอน” ขายไม่ออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#660099> วิธีนี้.. เอาผลกาแฟสุกผสมกับผลไม้อื่นๆ ให้เพียงพอนกินเข้าไปและถ่ายออกมาจะได้เมล็ดกาแฟที่คุณภาพไม่ดีเท่า วิธีธรรมชาติ </FONT></CENTER>

ASTV1ผู้จัดการออนไลน์—สำหรับผู้ที่มองหาเมล็ดกาแฟรสเลิศ ผลิตด้วยกรรมวิธีพิเศษสุด อาจจะเป็นเวลาที่หาซื้อในราคาที่ยอมรับได้มากขึ้น ปัจจุบันกาแฟที่จำหน่ายราคากิโลกรัมละหลายพันบาทกำลังกองพะเนิน เกษตรกรเวียดนามกำลังมองหาทางระบายออก หลังจากเจ้าใหญ่ในประเทศปฏิเสธรับซื้ออีกต่อไป หลังจากได้ปั่นกระแสขึ้นมาปีที่แล้ว

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟง (Tien Phong) หรือ "ผู้บุกเบิก" หลังจากมีการจุดกระแสเรื่องนี้เมื่อปี 2550 เกษตรกรใน จ.ดั๊กลัก (Dak Lak) ในเขตที่ราบสูงภาคกลางซึ่งเป็นไร่กาแฟของประเทศ พากันลงทุนเพาะเลี้ยงตัวเพียงพอนกันยกใหญ่และหันไปผลิตเมล็ดกาแฟ ที่ผ่านการย่อยและขับถ่ายออกมาโดยสัตว์ชนิดนี้

เพียงพอนเป็นญาติกับสัตว์พวกพังพอนและชะมด คุณสมบัติพิเศษของมันคือชอบกินผลกาแฟสุข สิ่งที่ถ่ายออกมาจะเป็นเมล็ดกาแฟที่ผ่านมาขบวนการทางเคมีภายในกระเพาะอาหารของมัน ผลิตได้น้อยแต่ให้รสชาติดีกว่าและกลิ่นหอมมากกว่ากาแฟธรรมชาติ และเชื่อในคุณค่าทางสมุนไพรของมัน

ที่ฟาร์มของนายเหวียนก๊วกแค็ง (Nguyen Quoc Khanh) กับ นายเหวียนซยางนาม (Nguyen Giang Nam) ในเมืองกรงปัก (Krong Pak) จ.ดั๊กลัก เกษตรสองพี่น้องได้ระดมสรรพกำลังและทุนรอนเพาะเลี้ยงตัวพังพอนเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถผลิตกาแฟราคาแพงได้มากขึ้น ปัจจุบันที่ฟาร์มดังกล่าวมีผลิตผลจากขี้เพียงพอนกองพะเนินอยู่ประมาณ 1 ตัน

ฟาร์มแห่งนี้กำลังมองหาลูกค้าจากโพ้นทะเล หลังจากบริษัทกาแฟจุงเงวียน (Trung Nguyen) ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้ยุติการรับซื้ออย่างไม่มีกำหนด ไม่เป็นไปตามที่ลงประกาศโฆษณาเอาไว้ และบอกว่ากำลังอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อผลิตเอง

ก่อนหน้านี้จุงเหวียนเคยรับซื้อกาแฟขี้เพียงพอนจากฟาร์ม "แค็งแอนด์นาม" ในราคากิโลกรัมละ 58-580 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเมล็ดกาแฟที่ผลิตได้

ไม่มีลูกค้ารายใดออกมารับซื้อกาแฟราคาแพงอีก ขณะที่เกษตรกรในอาณาบริเวณเดียวกันกำลังแข่งกันเพาะเลี้ยงตัวเพียงพอนขยายการผลิต ในปัจจุบันเกษตรกรหลายรายเริ่มทยอยขายสัตว์ชนิดนี้ให้ร้านอาหารป่าเมนูจานเด็ดต่างๆ

ฟาร์มของนายแค็งกับนายนามเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างเมื่อปีที่แล้ว หลังจากสองพี่น้องได้ลงประกาศโฆษณาออนไลน์ขายกาแฟขี้เพียงพอนในราคา 110 ดอลลาร์ต่อ กก.

ก่อนหน้านี้ในปลายปี 2548 ได้เคยนำผลผลิตจำนวน 500 กก.ไปแสดงในงานเทศกาลกาแฟเมืองบวนมาท๊วด (Buon Ma Tuot) ของจังหวัด และจำหน่ายจนหมดเกลี้ยง

นายแค็งกล่าวว่าเพียงพอนเพาะเลี้ยงไม่ยาก แต่เป็นสัตว์ที่ชอบต่อสู้กันเอง ต้องขังแยกกรง จนถึงฤดูผสมพันธุ์จึงปล่อยตัวผู้กับตัวเมียให้อยู่ด้วยกัน แม่เพียงพอนหนึ่งตัวสามารถให้ลูกได้ปีละสองครั้ง ครั้งละหลายๆ ตัว
<CENTER><FONT color=6600099> วิธีที่ถูกต้องก็คือเลียนแบบธรรมชาติ ปล่อยเพียงพอนเข้าไร่ในฤดูที่ผลกาแฟสุก จะได้กาแฟออกมาดีที่สุด  </FONT></CENTER>
เมื่อถึงช่วงเดือนที่ผลกาแฟเริ่มสุกแดงเกษตรจะปล่อยตัวเพียงพอนเข้าในไร่ให้ปีนป่ายขึ้นไปกินผลสุก สัตว์พวกนี้จะเลือกกินเฉพาะผลสุกที่สมบูรณ์ เนื้อมาก ก่อนจะปล่อยออกมาเป็นเมล็ดกาแฟ ราคาแพงแสนวิเศษ เป็นที่ปรารถนาของคนที่มีกำลังซื้อทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป กระทั่งในแถบเอเชีย

นายแค็งเคยกล่าวว่า เคยจำหน่ายกาแฟขี้เพียงพอนราคา 110 ดอลลาร์ต่อ กก. ซึ่งในนั้นมีกำไร กก.ละ 2000,000 ด่ง (อัตราแลกเปลี่ยน 17,000 ด่ง/ดอลลาร์) แต่ตอนนี้ฟาร์มของสองพี่น้องกำลังจะขายตัวเพียงพอน 50 ตัวให้แก่ร้านอาหารป่าในเมือง

เมื่อปีที่ 2550 บริษัทกาแฟจุงเงวียนได้ลงโฆษณาทางโทรทัศน์ประกาศรับซื้อกาแฟขี้เพียงพอนจำนวนไม่อั้น ปีที่แล้วลงโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ซ้ำในเรื่องเดียวกัน

ก่อนหน้านั้นได้ปลุกกระแสโดยนำกาแฟนี้ออกแนะนำ ในงานเทศกาลแกแฟบวนมาท๊วด กระป๋องขนาดบรรจุ 250 กรัม จำหน่ายในราคา 750 ดอลลาร์ หรือ 3,000 ดอลลาร์ต่อ กก.

จุงเงวียนกล่าวว่า บริษัทไม่เคยเซ็นสัญญาซื้อขายผูกพันกับเกษตรกรรายใด หลังจากลงประกาศรับซื้อแล้ว ได้รับการติดต่อจากไร่และจากเกษตรกรจำนวนหนึ่ง บริษัทฯ เพียงแต่ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสำรวจข้อเท็จจริงและตรวจคุณภาพของเมล็ดกาแฟที่ผลิต

บริษัทนี้กล่าวว่ากำลังพยายามหาทางเลี้ยงเพียงพอนเพื่อคัดสายพันธุ์ให้ได้ชนิดที่ถ่ายเมล็ดกาแฟออกมาได้คุณภาพดีที่สุด การเพาะเลี้ยงและขบวนการคัดพันธุ์เริ่มขึ้นในปีนี้แล้ว ในไร่ของตัวเอง

จุงเงวียนกล่าวว่า ปัจจุบันก็ยังคงผลิตกาแฟขี้เพียงพอนให้แก่ลูกค้าระดับวีไอพีจำนวนหนึ่งในราคาคงเดิม และ ยังปฏิเสธที่จะส่งให้กับผู้ที่สั่งซื้อในปริมาณที่ต่ำกว่า 1 กก.อีกด้วย เตี่ยนฟงกล่าว

คอกาแฟระดับบนทั่วโลก เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ "โกปี ลูวัค" (Kopi Luwak) หรือ กาแฟลูวักซึ่งเป็น “กาแฟขี้ชะมด” เกรดสูงจากประเทศอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตามทุกๆ ปีจะมีกาแฟลูวัคออกจำหน่ายเพียงประมาณ 200 กิโลกรัมเท่านั้น ราคาจึงสูงถึง 1,200-4,500 ดอลลาร์ต่อ กก.

เกษตรกรในเวียดนามเพิ่งจะตื่นตัวในเรื่องนี้จริงๆ เมื่อจุงเงวียนโฆษณาในหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ รับซื้อ "กาแฟขี้เพียงพอน" อย่างเร่งด่วนและปริมาณไม่จำกัด ไม่ว่าจะตากแห้งแล้วหรือยังเปียกๆ อยู่ โดยเสนอราคา 1-10 ล้านด่งต่อ กก.

ขณะนั้นเมล็ดกาแฟโรบัสตาในตลาดราคาเพียง 30,000 ด่ง ต่อ กก.

ในเวียดนามเพียงพอนเป็นสัตว์กินเนื้อ แต่ชอบกินเนื้อกาแฟสุกสุดจิตสุดใจ เกษตรกรหัวใส จำนวนหนึ่งได้เริ่มธุรกิจใหม่โดยเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้ และ กว้านซื้อเมล็ดกาแฟจากเพื่อนบ้านใกล้เคียง ไปเป็นอาหารโดยผสมกับเนื้อวัว เนื้อไก่ และกล้วย

แต่คุณภาพของเมล็ดที่ได้ออกมาจะต่างไปจากที่ให้พวกมันปีนขึ้นไปกินเฉพาะผลกาแฟสุกตามธรรมชาติ เตี่ยนฟงกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น