ASTV ผู้จัดการรายวัน-- รัฐบาลทหารพม่าได้ประกาศโครงการก่อสร้างทางรถไฟระยะทาง 480 กิโลเมตรเชื่อเมืองท่าสิตต่วย (Sittwe) ริมทะเลเบงกอลในรัฐยะไข่ (Rakhine) ไปต่อเข้ากับทางรถไฟหลักของประเทศทางฝั่งตะวันตกแม่น้ำอิรวดี ใกล้กับเมืองพุกาม (Bagan) ซึ่งนับเป็นครั้งแรก
เมืองท่าดังกล่าวเป็นต้นทางระบบท่อส่งก๊าซและน้ำมันดิบของจีน ที่จะเริ่มการก่อสร้างปลายปีนี้
เมื่อสร้างแล้วเสร็จจากเมืองท่าริมทะเลเบงกอล ก็จะสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปตามทางรถไฟสายปัจจุบันจนถึงเมืองลาเฉียว (Lashio) ในรัฐชานตะวันออก ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนจีนเพียงประมาณ 100 กม.
รายงานก่อนหน้านี้ระบุว่าจีนได้ตกลงจะช่วยพม่าสร้างทางรถไฟส่วนที่เหลือไปยังชายแดนมณฑลหยุนหนัน และทางรถไฟจะมีบทบาทสำคัญในการขนส่งสินค้า
ถ้าหากทุกอย่างเป็นตามแผนการในระยะ 10 ปีข้างหน้าทางรถไฟสายนี้ก็จะมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เป็นครั้งแรกที่จีนจะสามารถออกสู่ทะเลตะวันตกอันหมายถึงมหาสมุทรอินเดียได้ด้วยการขนส่งระบบราง
หนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์รายงานก่อนหน้านี้ ว่ารัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปยังเมืองสิตต่วยในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา และได้เปิดเผยโครงการก่อสร้างทางรถไฟดังกล่าว ซึ่งกำลังจะเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่ระบบการขนส่งในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ "ย่างกุ้งไทมส์" (Yangon Times) ฉบับภาษาพม่า "เมื่อการก่อสร้างโครงการเสร็จสมบูรณ์การขนส่งเชื่อมต่อรัฐยะไข่ที่มีประชากรกว่า 3 ล้านคนจะช่วยพัฒนาการขนส่งสินค้าได้อย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเชื่อต่อกับประเทศเพื่อนบ้านคือบังกลาเทศกับอินเดีย"
ทางรถไฟจะพาดผ่าน 6 ตัวเมืองสำคัญในรัฐดังกล่าว รวมทั้งมร๊อคอู (Mrauk U) เมืองเก่าอายุนับพันปีซึ่งเป็นปลายทางท่องเที่ยวสำคัญในปัจจุบัน หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันกล่าว
ปัจจุบันสามารถเดินทางไปยังเมืองสิตต่วยได้ทั้งทางบก ทางเรือและทางเครื่องบิน ในปี 2539 รัฐบาลได้สร้างทางหลวงเชื่อเมืองสิตต่วยเข้ากับระบบทางหลวงไปยังกรุงย่างกุ้ง หลังจากนั้นก็ได้สร้างทางหลวงอีกสายหนึ่งเชื่อมต่อรัฐยะไข่กับเขตอิรวดี แต่ยังไม่เคยมีทางรถไฟไปถึงที่นั่น
ตามสถิติของทางการปัจจุบันทั่วประเทศพม่ามีทางรถไฟความยาวรวมกัน 6,549 กม. เพิ่มขึ้น 46% จากเมื่อ 21 ปีก่อน เทียบกับปี 2531 (ที่รัฐบาลทหารชุดปัจจุบันขึ้นครองอำนาจ) ที่มีอยู่ 4,470 กม.
ปัจจุบันการรถไฟพม่ามีขบวนโดยสารเพิ่มขึ้นจาก 229 เป็น 379 ขบวนกับรถสินค้าจาก 18 เป็น 17 ขบวน มีสถานีรถไฟ 805 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นจากเพียง 318 แห่งเมื่อปี 2531 แต่ละวันมีผู้โดยสารใช้บริการรถไฟกว่า 100,000 คน หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันระบุ
แผนการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ของรัฐบาลทหารพม่า ยังมีขึ้นพร้อมๆ กับที่รัฐบาลบังกลาเทศประกาศสร้างทางรถไฟจากเมืองค๊อกซ์บาซาร์ (Cox Basaar) ไปเชื่อมชายแดนพม่าในรัฐยะไข่ เพื่อเปิดเส้นทางขนส่งสู่ประเทศนี้ และสามารถต่อเชื่อมไปจนถึงจีนได้ในอนาคต
รัฐบาลอินเดียประกาศก่อนหน้านี้หลายปีเกี่ยวกับแผนการสร้างทางรถไฟจากมิโซรัม (Mizorum) ไปเชื่อมชายแดนพม่าในรัฐยะไข่ เพื่อเปิดการขนส่งระบบรางในชมพูทวีปเข้ากับจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในทศวรรษข้างหน้า
รัฐมนตรีกระทรวงขนส่งบังกลาเทศได้เดินทางเยือนจีนในสัปดาห์ต้นเดือน ก.พ. และได้หารือเรื่องนี้กับฝ่ายจีน เพื่อจัดตั้ง "โครงการทางรถไฟมิตรภาพจีน-พม่า-บังกลาเทศ" ขึ้นมา และบังกลาเทศได้เสนอแผนการนี้ต่อรัฐบาลพม่าแล้ว
สำหรับรัฐบาลจีนทางรถไฟที่จะเกิดขึ้นใหม่นี้มีความหมายสำคัญทางยุทศาสตร์อย่างยิ่ง สอดคล้องกับความปรารถนายิ่งยวดในการหาทางออกสู่มหาสมุทรอินเดียจากมณฑลหยุนหนัน
เคยมีรายงานก่อนหน้านี้ส่ารัฐบาลจีนได้เสนอโครงการตัดถนนกับสร้างทางรถไฟให้พม่า เพื่อออกสู่ทะเลเบงกอลผ่านพม่าแต่หลังจากนั้นก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ อีก
ปีที่แล้วบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของจีนกับรัฐบาลทหารพม่าได้เซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซที่ผลิตจากแปลง A1 กับ A3 ในเขตนอกชายฝั่งเมืองสิตต่วย ต่อมาก็ได้เซ็นสัญญาอีกฉบับหนึ่งเพื่อสร้างท่อขนส่งก๊าซพร้อมกับท่อขนส่งน้ำมันดิบ ที่จีนจะนำเข้าจากตะวันออกกลาง
ระบบท่อดังกล่าวยิ่งทำให้ระบบทางหลวงกับการขนส่งระบบรางจากจีนผ่านพม่ามีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงไม่ต้อขนน้ำมันดิบและสินค้าทางเรือโดยแล่นผ่านช่องแคบมะละกาอีกต่อไป
จีนอยู่ใกล้ชิดกับการพัฒนาขนส่งระบบรางในพม่าตลอดหลายปีมานี้ รวมทั้งเป็นผู้สนับสนุนจัดหาจัดจ้าง จำหน่ายหัวรถจักรดีเซลให้แก่การรถไฟพม่าในราคามิตรภาพ
ในเดือน พ.ย.ปีที่แล้วว่า หัวรถจักรลอตใหม่จำนวน 8 คันจากจีน ได้ไปถึงท่าเรือย่างกุ้ง และนำเข้าใช้การแล้ว และในเดือน ม.ค.ปีนี้ฝ่ายจีนก็ได้ส่งมอบหัวรถจักรให้พม่าอีก 8 คันเป็นลอตที่สอง ทั้งนี้เป็นรายงานของนิวไลท์ออฟเมียนมาร์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของรัฐบาล
หัวรถจักรทั้งหมดส่งตรงไปจากโรงงานเมืองต้าเหลียน (Dalian) ในมณฑลส้านตง (Shandong) ซึ่งเป็นของบริษัท Yunnan Machinery & Equipment Co (Import and Export) แห่งมณฑลหยุนหนัน
รัฐบาลพม่าได้สั่งซื้อหัวรถจักรรุ่นใหม่ ติดเครื่องยนต์แคตเตอร์พิลลาร์ขนาด 2,000 แรงม้าจากจีนรวม 20 คัน
ตามรายงานของนิตยสารข่าวเมียนมาร์ไทมส์ ในปีงบประมาณ 2550-2551 ที่สิ้นสุดลงในเดือน มี.ค.2551 มูลค่าการค้าระหว่างพม่ากับจีนขยายตัวถึง 60% เป็น 2,400 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 1,500 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณก่อนหน้านั้น ทำให้จีนเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับสองรองจากไทย
ตามตัวเลขของกระทรวงการค้า พม่าเป็นฝ่ายขาดดุลการจีนมาตลอด และมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณที่ผ่านมา เนื่องจากการหลั่งไหลของสินค้าอุปโภคบริโภค
พม่าส่งออกสินค้าการเกษตร ปลา ไม้ซุง อัญมณี และแร่ธาตุต่างๆ ขณะเดียวกันก็นำเข้าเครื่องจักรเครื่องกล อุปกรณ์ไฟฟ้า อาหารสำเร็จรูป กับสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหลาย.