xs
xsm
sm
md
lg

กัมพูชาค่อยๆ ไต่อันดับสู่ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#cc00cc> ภาพแฟ้ม Reuters ถ่ายวันที่ 5 ก.ค.2551 ชาวนาขยันขันแข็งถอนต้นกล้าเตรียมปักดำข้าวนาปีที่ จ.ตะแกว (Takeo) ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันออกราว 80 กม. ใกล้ชายแดนเวียดนาม ชาวนาเหล่านี้เป็นกระดูกสันหลังสำคัญทำให้กัมพูชาก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกทีละก้าวๆ  </FONT></CENTER>

ASTVผู้จัดการรายวัน-- จากที่เคยมีข้าวไม่พอเลี้ยงประชากรไม่กี่ปีก่อน สองปีที่แล้วกัมพูชาได้กลายเป็นผู้ส่งออกติดดอันดับโลก และ ส่งออกได้มากขึ้นเมื่อเมื่อปีที่แล้ว ขณะเดียวกันปีนี้จะมีข้าวเหลือส่งออกมากขึ้นอีกเท่าตัว เนื่องจากสามารถลิตได้มากขึ้น

การแจกจงตัวเลขส่งออกมีขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่สหประชาชาติเรียกร้องไปยังประเทศผู้บริจาคเร่งให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศนี้ เพื่อพัฒนาการเกษตร

นายดักลัส โบรเดอริค (Douglas Broderick) ผู้แทนสหประชาชาติประจำกรุงพนมเปญได้เรียกร้องดังกล่าวระหว่างการประชุมสัมมนาทางเศรษฐกิจที่จัดขึ้นในเมืองหลวงกัมพูชาปลายสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า การเร่งช่วยเหลือจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศนี้สามารถเดินหน้าต่อไปได้

ปัจจุบันกัมพูชากำลังกำลังประสบปัญหารายได้จากอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออกกับการท่องเที่ยวลดต่ำลง ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการการเงินของโลก

ความช่วยเหลือด้านการเงินจะทำให้อุตสาหกรรมสำคัญที่นำรายได้เข้าประเทศมากที่สุดสองอันดับแรกสามารถพัฒนาต่อไปได้เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามรายงานของนายจันตงเอียว (Chan Tong Eav) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรกัมพูชา ระหว่างเดือน มิ.ย.2551- ก.พ.2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้คิดคำนวณผลผลิต ทั่วประเทศผลิตข้าวได้ 6.7 ล้านตันข้าวสาร มากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2550-2551 ในนั้นเหลือบริโภคภายในประเทศ 2 ล้านตัน และสามารถส่งออกได้

ตามรายงานของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ปี 2550 กัมพูชาส่งออกข้าวทั้งหมด 450,000 ตัน เป็นผู้ส่งออกมากอันดับ 9 ของโลกยังไม่ทราบตัวเลขอย่างเป็นทางการเมื่อสิ้นปี 2551
<CENTER><FONT color=#cc00cc>  ภาพแฟ้ม Reuters ถ่ายวันที่ 8 ส.ค.2551 อีกหนึ่งเดือนถัดมา ทุ่งนาใน จ.ตะแกว ก็เริ่มเขียวไสวด้วยต้นข้าวปีที่แล้วชาวนาทั่วประเทศผลิตข้าวได้มากขึ้นส่งออกล้านตันเศษ ปีนี้ผลิตได้มากขึ้นไปอีก คาดว่าปริมาณส่งขายต่างประเทศจะทะลุ 2 ล้านตัน </FONT></CENTER>
แต่เจ้าหน้าที่กัมพูชากล่าวว่า ปีที่แล้วมีการส่งออกข้าวรวมกันไม่น้อยกว่า 1.8 ล้านตัน และ ปี 2552 จะส่งออกได้มากขึ้นหรือไม่น้อยไปกว่าเดิม ขณะที่ทางการอัดฉีดเงินลงสู่ระบบเพื่อให้โรงสีทั่วประเทศสามารถออกกว้านซื่อข้าวจากชาวนา สีเพื่อส่งออกได้มากขึ้น

ปีที่แล้วโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติหรือ UNDP (United Nation Development Program) ได้ช่วยกัมพูชาส่งออกข้าวไปยังสองสามประเทศในแอฟริกา ซึ่งรวมทั้งเซเนกัล (Senagal) กับกินี (Guinea) ด้วย

แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่าปีนี้หลายประเทศในเอเชียได้แสดงความประสงค์จะขอซื้อข่าว ซึ่งรวมทั้งฟิลิปปินส์ มาเลเซียและบรูไน ด้วย

ตามรายงานของเอเคพี (Agence Kampuchean-Presse) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของรัฐบาล เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์คนใหม่ประจำกัมพูชาได้เข้าเยี่ยมคำนับ นายโสกอาน (Sok An) รองนายกฯ และ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ วันจันทร์สัปดาห์ที่แล้ว พร้อมแสดงความประสงค์จะขอซื้อข้าว รวมทั้งมีแผนการจะเข้าไปลงทุนปลูกข้าวในกัมพูชาอีกด้วย

แผนการดังกล่าวได้รับการต้อนรับอย่างดีจากฝ่ายกัมพูชา เอเคพีกล่าว

ตามความเห็นของสหประชาชาติ การช่วยเหลือจากประเทศผู้บริจาคมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการพัฒนาด้านการเกษตรต่างๆ ที่ควรจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้กัมพูชาสามารถส่งออก "ทองคำสีขาว" ซึ่งหมายถึงข้าวได้มากยิ่งขึ้น

เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติคนเดียวกันกล่าวว่า กัมพูชาเป็นประเทศมีศักยภาพสูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพียงแต่ต้องการการสนับสนุนด้านการเงินเท่านั้น

"เจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชากล่าวว่าที่ผ่านมา รัฐบาลได้ช่วยเหลือภาคเอกชนเป็นเงินหมุนเวียนราว 30 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้สามารถซื้อข้าวจากชาวนาได้มากขึ้น ให้มีหลักประกันว่าจะเพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศ แต่ยังคงต้องการเงินทุนอีกราว 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาขีดความสามรถในการเก็บสต๊อคข้าวและแปรรูปผลผลิต

ปี 2552 นี้กลุ่มผู้บริจาคซึ่งรวมทั้งธนาคารโลก ได้ให้คำมั่นจะช่วยเหลือแก่กัมพูชาเป็นเงินราว 950 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากเพียง 600 ล้านดอลลาร์เศษเมื่อปีที่แล้ว

สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่เข้าร่วมการประชุมสัมมนาสัปดาห์ที่แล้วในฐานะที่เป็นองค์ปาฐกผู้หนึ่ง ได้เรียกร้องไปยังฝ่ายต่างๆ ให้เร่งช่วยเหลือด้านการเกษตร เนื่องจาก 85% ของประชากรมีรายได้จากการขายผลิตด้านนี้

"การเกษตรสำคัญมากต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการกำจัดความยากจน" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าว
<CENTER><FONT color=#cc00cc> ภาพแฟ้ม Reuters ถ่ายวันที่ 16 ส.ค.2551 ขณะที่จังหวัดต่างๆ กำลังปักดำ ได้เกิดอุทกภัยขึ้นช่วงสั้นๆ   เมื่อน้ำในลำน้ำโขงเอ่อขึ้นท่วมไร่นาและหมู่บ้านหลายแห่งใน จ.กัมปงจาม ใกล้กับกรุงพนมเปญ แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่นาข้าว น้ำมากกลับเป็นผลดีต่อการทำนาในเขตที่ราบภาคกลาง </FONT></CENTER>
ผู้นำกัมพูชากล่าวด้วยว่า เมื่อปีที่แล้วอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าทำรายได้ส่งให้มากเป็นอันดับหนึ่ง แต่ปีนี้กำลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ซึ่งอาจจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจหดตัวลงเหลือประมาณ 6% ในปีนี้ จาก 7% ในปี 2551

ขณะเดียวกันปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ากัมพูชาราว 2 ล้านคน ทำรายได้ให้ประเทศเพิ่มขึ้นแต่ต่ำกว่าการคาดการ ปีนี้คาดว่าจำนวนจะลดลง

ที่ผ่านมาชาวนาส่วนใหญ่ของประเทศเพิ่งเกี่ยวข้าวเสร็จได้เสร็จ โดยมีรายงานในเบื้องต้นเกี่ยวกับปริมาณที่เหลือบริโภคภายในของจังหวัดต่างๆ ขณะที่กำลังรวบรวมตัวเลขข้าวทั้งหมด นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวในสัปดาห์ปลายเดือนว่า ปีนี้จะมีข้าวส่งออกได้มากกว่า 1 ล้านตัน

เจ้าหน้าที่สมาคมโรงสีกัมพูชากล่าวในสัปดาห์ที่แล้วว่า ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมามามีการเซ็นสัญญากู้ยืมจากธนาคารธนาคารพัฒนาชนบาท (Rural Development Bank) 5 ล้านดอลลาร์ โดยปีนี้ รัฐบาลได้มอบนโยบายให้สมาคมโรงสีฯ เก็บซื้อข้าวให้ได้ 500,000 ตัน จาก 400,000 ตันเมื่อปีที่แล้ว

นายจัน สะรุน (Chan Sarun) รัฐมนตรีเกษตร ป่าไม้และประมง กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ปี 2551 ทั่วประเทศผลิตข้าวได้ 7 ล้านตัน ในนั้น 3 ล้านตันเป็นข้าวเหลือบริโภคสำหรับส่งออก คาดว่ายอดส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 8 ล้านตันต่อปี ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป

ทางการกัมพูชาได้ประกาศเมื่อปีที่แล้วจะส่งออกข้าวให้ได้ปีละ 3-4 ล้านตันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อขึ้นเทียบชั้นสองประเทศเพื่อนบ้านคือไทยกับเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับหนึ่งและสองของโลก.
กำลังโหลดความคิดเห็น