ASTVผู้จัดการออนไลน์-- ปลายปีที่แล้วในนครโฮจิมินห์เพียงแห่งเดียว มีการจัดงานมอเตอร์โชว์ถึงสามครั้งสามหนติดๆ กัน ภายใต้ชื่อต่างๆ กันคือ เปิดศักราชอย่างฮือฮาในเดือน ส.ค.ด้วยงานเวียดนามมอเตอร์โชว์ (Vietnam Motorshow 2008) ตามด้วยไซ่ง่อนออโตเทค (Saigon Autotec 2008) เดือน พ.ย. และปิดท้ายด้วยเวียดนามออโตโชว์ 2008 (Vietnam Autoshow 2008) เดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา
ตลาดรถยนต์ในเวียดนามยังเล็กมากหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่พัฒนาไปไกลกว่า ด้วยยอดหน่ายเพียงหลักหมื่นต่อปีเท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลจัดเก็บภาษีรถยนต์สูงมากเนื่องจากประเทศยังต้องนำเดข้าน้ำมันสำเร็จรูปทุกหยด และผู้ผลิตรายต่างๆ ไม่ยอมหั่นราคาลงให้เหมาะสมกับรายได้ต่อหัวประชากรต่อปีซึ่งอยู่ในระดับ 1,000 ดอลลาร์เศษ
งานมอเตอร์โชว์ในเวียดนามจึงไม่ได้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมหลายแสนคนเช่นในประเทศเพื่อนบ้านที่พัฒนาไปไกลกว่า ผู้เข้าร่วมงานไม่ได้หวังยอดจองหรือยอดขายที่สูงเด่นอะไร แต่ละงานอาจจะมีผู้เข้าชมไม่กี่หมื่นหรือเพียงหลักแสน แต่งานมอเตอร์โชว์จำเป็นต้องจัดขึ้นเพื่อสนองอุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ของประเทศกำลังพัฒนารุดหน้า
ในขณะที่รถยนต์เป็นสินค้าราคาแพงเกินเอื้อมสำหรับชั้นกลางทั่วไปนั้น ชาวเวียดนามที่ร่ำรวย กลับมีรสนิยมในรถยนต์แบรนด์ดังที่นำเข้าโดยตรงจากค่ายยุโรปและสหรัฐฯ บางคันอาจจะมีราคา 30 ล้านบาท (กว่า 1 ล้านดอลลาร์) เมื่อรวมภาษีสรรพสิ่งแล้ว
ปัจจุบัน งานมอเตอร์โชว์ในเวียดนามได้พัฒนาไปไกล จากที่เคยนำรถไปจอดโชว์เงียบๆ ไม่มีอะไรหวือหวาเมื่อสัก 10 ปีก่อน ตอนนี้สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ พริตตี้ หรือ”สาวมอเตอร์โชว์” ตามแบบอย่างที่เห็นในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส ญี่ปุ่นหรือเกาหลี รวมทั้งในจีนและประเทศไทย ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด
บางทีอาจจะไม่ต้องรอจนถึงมอเตอร์โชว์ แต่ทุกวันนี้โชว์รูมต่างๆ จะมีพริตตี้ประจำในทุกครั้งที่มีการแนะนำรถยนต์หรูรุ่นใหม่
งานมอเตอร์โชว์กำลังเข้ามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจนางแบบของประเทศ ที่กำลังพัฒนาคู่ขนานกันไปในเศรษฐกิจ “หนึ่งระบอบสองระบบ” โดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
ภาพประกอบทั้งหมด : Vietnam Express