ผู้จัดการออนไลน์-- สองสัปดาห์หลังจากการปะทะกับทหารไทยที่ชายแดนด้านภูมะเขือ (Phnom Troap) ทหารกัมพูชาคนหนึ่งยอมรับว่าฝ่ายไทยนั้นมาอาวุธดีกว่ามาก แต่ตอนนี้เขามีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากได้ผ้ายันต์วิเศษ ซึ่งจะช่วยป้องกันกระสุนได้
"ทหารไทยมีอาวุธที่ทันสมัยกว่า แต่ว่าผมไม่กลัว.. ผมมีเครื่องรางคุ้มครองตัวเอง" พลทหารชุมกลา (Chhum Khla) กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
นอกจากจะมีผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์โพกรอบๆ ศีรษะแล้ว ทหารคนนี้ยังมีตะกรุดพันรอบเอวอีกสองเส้น และแขวนหลวงพ่อองค์เล็กๆ อีกสององค์
"ในอดีตผมเคยปะทะกับพวกนักรบเขมรแดงมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ผมไม่เคยได้รับอันตราย" กลากล่าวยกคุณความดีให้กับสิ่งของวิเศษดังกล่าว
ถึงแม้ว่าจะมีอาวุธที่ด้อยกว่าทหารไทยในช่วงที่เผชิญหน้ากัน กลากับเพื่อนๆ ก็มีเครื่องรางของขลังตามความเชื่อทางศาสนา รวมทั้งสักยันต์เพื่อคุ้มกันตามที่เชื่อกันมาแต่ดั้งเดิม
ระหว่างการเผชิญหน้ากันในดินแดนพิพาทใกล้กับปราสาทพระวิหารนั้น ทหารไทยกับทหารกัมพูชาแตกต่างกันอย่างน่าตกใจ
ทหารไทยมีอาวุธทันสมัยกับเครื่องบินเจ็ทคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ส่วนทหารเขมรส่วนใหญ่สวมรองเท้าแตะ และใช้อาวุธที่ตกค้างมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น
หลังการปะทะวันที่ 15 ต.ค.ที่มีทหารกัมพูชาสามคนกับทหารไทยอีกหนึ่งคนเสียชีวิตนั้น ทหารไทยสวมเสื้อเกราะกันกระสุนกันเต็มที่
ส่วนผู้บัญชาการทหารของกัมพูชาได้แจกผ้ายันต์หลากสีที่มีตัวธรรมะสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์เขียนลงบนผืนผ้า ซึ่งเชื่อกันว่ามีพลังในการปกป้องคุ้มครองโดยผ่านการปลุกเสกของพระภิกษุรูปหนึ่ง
เครื่องรางของขลัง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ รวมทั้งความเชื่อทางไสยศาสตร์นั้นใช้กันทั่วไปในหมู่ทหารทั่วโลก แต่สำหรับทหารกัมพูชาที่กรำศึกจากสงครามกลางเมืองมานานจนกระทั่งยุติลงในปี 2532 นั้น ลายสักบนผิวหนังของพวกเขาทำให้ดูขลังยิ่งกว่าอย่างอื่น
ถึงแม้ว่าผู้นำของสองประเทศจะตกลงกันหรือแสดงความประสงค์ที่จะไม่ให้เกิดการปะทะกันอีกก็ตาม แต่สำหรับทหารในพื้นที่พวกเขาจะต้องหาสิ่งยึดเหนี่ยวที่ให้ความมั่นใจแก่ตัวเอง
"ผมเชื่อเต็มร้อยว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวิเศษเหล่านี้ได้ช่วยชีวิตผมในการศึก" พลทหารกอยสัน (Koy San) กล่าว ขณะที่อยู่เหนือที่พวกเขาอยู่ขึ้นไปเป็นที่ตั้งของหน่วยทหารไทย
"ผมมีทั้งผ้ายันต์และตะกรุดรอบๆ เอว ผมสวมเอาไว้ตลอดเวลา" พลทหารวัย 35 ปีกล่าว
แต่ทหารกัมพูชายอมรับว่าของวิเศษต่างๆ เหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองให้รอดชีวิต ยุทธศาสตร์การทหารรวมทั้งความเร็วก็ช่วยได้เช่นเดียวกัน
"เรามีของวิเศษแต่เราจะต้องเร็ว มือต้องรีบคว้าปืนและกระโดดลงหลุมหลบภัย ชีวิตของเราจะปลอดภัย" ทหารวัย 38 ปีคนหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพีโดยไม่ยอมเปิดเผยชื่อ
สำหรับรัฐบาลกัมพูชาไม่ได้ยึดถือของวิเศษในการปกป้องเขตแดนของประเทศ ท่ามกลางการเผชิญหน้าและความขัดแย้งนั้น กัมพูชาได้ตัดสินใจเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นเป็น 500 ล้านดอลลาร์ในปีหน้านี้
แต่พลทหารคนเดียวกันนี้บอกว่า การที่หัวหน้าของเขาเสียชีวิตและตัวเองรอดมาได้ในการปะทะวันที่ 15 ต.ค.นั้น ยิ่งทำให้เขาเชื่อมั่นในของวิเศษมากยิ่งขึ้น
"เขาใส่ตะกรุดเหมือนกัน แต่ถอดออกตอนนอนพักและไม่มีโอกาสสวมเข้าไปอีกตอนที่เกิดการยิงกัน.. และเขาก็จบชีวิตลง"
พระภิกษุขันยอน (Khan Yorn) ที่วัดในเขตแดนพิพาทกล่าวว่า ได้ปลุกเสกตะกรุดและสายคาดเอวชนิดต่างๆ แก่ทหารที่ประจำอยู่ในพื้นที่มานับครั้งไม่ถ้วน
"ทหารจำนวนมากได้ขอสายคาดที่ลงยันต์ด้วยภาษาธรรมะเพื่อให้พวกเขาใจชื้นและสบายใจ แต่อาตมาไม่สามารถจะพูดได้ว่าเครื่องรางเหล่านั้นสามารถกันกระสุนได้" พระรูปเดียวกันกล่าว
แต่อย่างน้อยที่สุดก็เกิดความมหัศจรรย์ ขึ้นมาแล้วระหว่างการปะทะกันในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
"ตอนมีการยิงกันนั้นอาตมากำลังอยู่ในกุฏิ ห่ากระสุนพุ่งขึ้นมายังบริเวณวัด (เสียง) ราวกับพวกเราหว่านข้าวเปลือก.. แต่ไม่โดนกุฏิของอาตมาแม้แต่นัดเดียว" พระยอนกล่าว.