ลาวก้าวไปไกลส่งออกกาแฟออร์แกนิคได้ปีหน้า

ผู้จัดการรายวัน-- หลังเตรีมการมาเป็นเวลาสองปี สมาคมกาแฟลาว (Lao Coffee Association) ได้ประกาศแผนการเริ่มส่งกาแฟออร์แกนิค (organic coffee) ที่ปลูกด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีใดๆ ไปยังตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปในปีหน้านี้

นายสีสะหนุก สีสมบัด ประธานสมาคมกาแฟลาวเปิดเผยเรื่องนี้กับสำนักข่าวสารปะเทดลาว ในสัปดาห์ที่แล้ว

นายสีสะหนุกเปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ระหว่างงานนิทรรศการอาหารแห่งเอเชีย ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ ต้นปีนี้ว่า แผนการปลูกกาแฟด้วยวิธีธรรมชาติของลาว ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐบาลฝรั่งเศสกับรัฐบาลเยอรมนี ในการประสานกับหน่วยงานจดทะเบียนที่เกี่ยวข้องในยุโรป จนสามารถได้ใบประกาศนียบัตรเรียบร้อยแล้ว

แหล่งปลูกกาแฟสำคัญของประเทศที่เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก ได้เป็นแหล่งทดลองปลูกกาแฟออร์แกนิคเช่นเดียวกัน

นายสีสะหนุกกล่าวว่าในขณะที่เนื้อที่สำหรับปลูกกาแฟลดน้อยลงเรื่อยๆ ตลาดกาแฟออร์แกนิค ในต่างประเทศกลับขยายตัวอย่ารงกว้างขวางทั้งในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น

ประธานสมาคมกาแฟกล่าวกับ ขปล.ในสัปดาห์นี้ว่า กาแฟธรรมชาติจากลาวได้รับการยอมรับจากต่างตลาดในต่างแดนว่า เป็นสินค้าคุณภาพสูง ทำให้เป็นที่ต้องการในหมู่ผู้ที่นิยมสินค้าที่เป็นประโยชน์ ไร้สารเคมีตกค้าง 100% ไม่มีพิษภัยต่อสุขภาพอย่างสิ้นเชิง

กาแฟที่ปลูกด้วยวิธีนี้แม้จะปลูกยาก ได้ผลผลิตน้อยกว่าและต้องการการดูแลรักษามากกว่า แต่ก็จำหน่ายได้ราคาดีกว่าหลายเท่าตัว สมาคมฯ จะเริ่มส่งออกอย่างเป็นทางการเป็นปริมาณ 20 ตันในปี 2552 เพื่อทดลองตลาด ก่อนจะขยายเนื้อที่ปลูกอย่างกว้างขวางในแต่ละปี

"เราอยากจะเข้าสู่ตลาดกาแฟออร์แกนิคเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีความต้องการสูง เพราะเป็นกาแฟคุณภาพสูง แม้จะต้องต้องใช้เวลามากขึ้นในการปลูก" ประธานสมาคมกาแฟกล่าว

นายสีสะหนุกซึ่งเป็นประธานบริษัทกาแฟสีหนุก (Sinouk Cafe) กล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ก่อนหน้านี้ว่า ได้เริ่มให้ความสนใจกาแฟออร์แกนิคมาตั้งแต่ปี 2549 โดยศึกษาวิธีการปลูกเพื่อให้ได้มาตรฐานที่หน่วยงานในสหภาพยุโรปต้องการ และเริ่มทดลองปลูกอย่างจริงจังเมื่อปีที่แล้ว

นายสีสะหนุก บอกกับ ขปล.สัปดาห์นี้ว่าปีนี้สมาคมฯ จะมีเมล็ดกาแฟดิบส่งออก 20,000 ตัน รวมเป็นมูลค่าประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศ ปริมาณที่ส่งออกได้ในปีนี้ลดลงราว 30% จากปีที่แล้ว เนื่องจากเกิดฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานานในเขตสวนกาแฟของประเทศ

กาแฟลาวเป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาดโลก และยังไม่เคยผลิตได้พอสนองความต้องการได้ในช่วงหลายปีมานี้ ขณะที่อุตสาหกรรมกาแฟสำเร็จรูปกำลังเริ่มขึ้นในประเทศ

ตามรายงานของสื่อทางการ กลางปีที่ผ่านมาบริษัทดาวเฮืองอิมปอร์ตเอ๊กซ์ปอร์ต ซึ่งเป็นผู้ค้ากาแฟรายใหญ่ที่สุดของประเทศได้เริ่มจัดตั้งโรงงานผลิตกาแฟสำเร็จรูปโดยใช้กรรมวิธีแบบฟรีซดราย (freeze-dry) เป็นแห่งแรกในเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก โดยใช้เครื่องจักรจากยุโรป

บริษัทนี้ได้ส่งออก “กาแฟดาวเฮือง” เพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งเมล็ดกาแฟคั่วบด และกาแฟพร้อมดื่มแบบ “ทรี-อิน-วัน” ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสำหรับตลาดในประเทศ

ปี 2549 ผู้ปลูกกาแฟในปากซองสามารถฟื้นฟู “กาแฟน้อย” ซึ่งเป็นกาแฟอะราบิก้าพันธุ์ทิปีก้า (Tipika) ที่ชาวฝรั่งเศสนำเข้าไปปลูกเมื่อเกือบ 100 ปีก่อนได้สำเร็จและนำออกสู่ตลาดได้เป็นครั้งแรก.