xs
xsm
sm
md
lg

สื่อนอกรุมฉีกหน้า “ฮุนเซน” ยันไทยไม่เคยถอนทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#3366ff> ภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์จากจากชายแดนด้านปราสาทพระวิหารวันที่ 7 ต.ค.2551 ทหารเขมรแวะพูดคุยกับทหารไทยเป็นปกติ เบื้องหลังเป็นเต็นท์ที่พักของทหารเขมร ทหารของสองฝ่ายตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ต่างฝ่ายต่างออกลาดตระเวนตามหน้าที่  แม่ทัพภาค 2 ของไทยยันยันไม่มีการถอนทหารใดในวันอังคารที่ผ่านมา เพียงแต่สองฝ่ายยอมถอยออกไปให้ห่างกันราว 100 เมตร  </FONT> </CENTER>
ผู้จัดการออนไลน์ — สื่อในต่างแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักข่าวใหญ่ของโลกทุกสำนักต่างตีพิมพ์เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของผู้นำรัฐบาล นายทหารในพื้นที่ของไทย รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่ระบุว่า ไม่มีการถอนทหารไทยออกจากพื้นที่ชายแดนในเขตพิพาท

ฝ่ายไทยได้ตอบโต้การกล่าวอ้างของสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า ทหารไทยได้เฝ้าเขตแดนแห่งนั้นมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว เนื่องจากเป็นดินแดนในเขตสันปันน้ำของไทยอันเป็นเขตแดนธรรมชาติ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ

**ทหารไทยแค่ไปตรวจกับระเบิด**

สำนักข่าวรอยเตอร์และสำนักข่าวอื่นๆ ยังได้อ้างคำแถลงของ แม่ทัพภาค 2 พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล กับ นายสมพงษ์ ที่ระบุว่า ทหารไทยราว 80 นาย ถูกส่งเข้าไปในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งในเขตพิพาทมากขึ้น เพื่อตรวจกับระเบิดหลังจากมีทหารไทยสองนายได้รับบาดเจ็บสาหัสสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้อ้างคำพูดของ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ ในวันอังคารว่า ทหารของทั้งสองฝ่ายได้ยอมถอยออกจากกัน ไปอยู่ห่างกันราว 100 เมตร

แม่ทัพภาค 2 ยืนยันว่า ทหารไม่ได้ถอนออกจากเขตแดนพิพาทตามที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้าง และพร้อมจะตอบโต้ด้วยอาวุธถ้าหากเป็นฝ่ายถูกยิงก่อน

“สถานการณ์ค่อนข้างจะตึงเครียดที่แนวหน้า” แม่ทัพภาค 2 ของไทยให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งในวันเดียวกัน และยังเปิดเผยด้วยว่าไทยได้เสริมทหารกับปืนใหญ่เข้าสู่ชายแดน แต่เพียงเพื่อป้องกันและตอบโต้ในกรณีที่ถูกยิงก่อนเท่านั้น

ฝ่ายทหารของกัมพูชากล่าวในเช้าวันเดียวกันว่า ทหารไทยราว 80 นายที่ “ล้ำแดน” กัมพูชาได้ถอนออกไปทั้งหมด ทั้งยังอ้างว่าทหารเขมรได้เข้ายึดครองพื้นที่แทนทหารไทยแล้วและสถานการณ์ทั่วไปกลับสู่ภาวะปกติ
<CENTER><FONT color=#3366FF> ภาพของสำนักข่าวเอเอฟพี นายกรัฐมนตรีกัมพูชาต้อนรับนายสมพงษ์ อมรววิวัฒน์ กระทรวงการต่างประเทศ กรุงพนมเปญเมื่อวันจันทร์ (13 ต.ค.) ก่อนจะแถลงตลบหลังเกี่ยวกับการยื่น คำขาด ให้ไทยต้องถอนทหารออกจาก ดินแดนกัมพูชา ด้านปราสาทพระวิหาร ฝ่ายไทยได้แถลงตอบโต้ในวันอังคารว่าไม่ถอนและไม่เคยมีการถอนทหารใดๆ ออกจากเขตพิพาทที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ </FONT> </CENTER>
แต่แม่ทัพภาค 2 ของไทย กล่าวว่า ทหารไทยได้เข้าไปในพื้นที่พิพาท หลังจากได้รับอนุญาตจากฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องปฏิบัติตามปกติเช่นเดียวกันที่ฝ่ายกัมพูชาต้องแจ้งให้ฝ่ายไทยทราบ แต่ทหารไทยจำนวนดังกล่าวเข้าไปเพื่อตรวจกับระเบิด

เจ้าหน้าที่ของไทยอีกหลายนาย กล่าวว่า ฝ่ายไทยกำลังเร่งตรวจดูกับระเบิดที่ถูกวางเอาไว้ตามแนวชายแดนของสองประเทศ หลังจากทหารไทยสองนายได้รับบาดเจ็บสาหัสสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถ้าหากเป็นกับระเบิดที่ถูกลักลอบนำเข้าไปวางใหม่ก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

**“ฮุนเซน” ทำเสียบรรยากาศ**

สื่อต่างประเทศยังได้อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยอีกหลายคน รวมทั้งอ้างคำแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ที่ว่า ฝ่ายไทยต้องการแก้ไขปัญหาและข้อพิพาทกับกัมพูชาด้วยการเจรจา

คำแถลงของ นายธฤต จรุงวัฒน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่ออกในวันอังคาร ระบุในตอนหนึ่งว่า “ประเทศไทยรู้สึกประหลาดใจที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ยื่นคำขาดต่อประเทศไทยให้ถอนกำลังทหารของไทยออกจากดินแดนที่ติดกับปราสาทพระวิหาร และขู่จะใช้กำลังหากไม่ดำเนินการ..”

“สิ่งนี้ถือว่าสวนทางกับการอยู่ร่วมกันฉันเพื่อนบ้านที่ดี และขัดต่อสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน นอกจากนี้ ยังขัดกับแนวทางสากลในการแก้ปัญหาในระดับทวิภาคีโดยใช้แนวทางสันติ ซึ่งระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไทย กล่าว

**เป็นดินแดนในเขตสันปันน้ำ **

สื่อต่างชาติยังอ้างคำกล่าวของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกไทย ซึ่งเป็นบุคคลแรกที่ได้ออกตอบโต้คำขู่ของ สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่กล่าวหาว่าทหารไทยล้ำแดนกัมพูชา

“จะเป็นการรุกรานได้อย่างไร” พ.อ.สรรเสริญ กล่าวโดยอธิบายว่าที่นั่นเป็นดินแดนพิพาทที่ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวอ้างสิทธิ์

ภาพและข่าวเกี่ยวกับกรณีล่าสุดระหว่างไทยกับกัมพูชา ถูกนำไปตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ทั้งใน ออสเตรเลีย อังกฤษ และ สหรัฐฯ รวมทั้งสื่อออนไลน์ทั่วโลก

สำนักข่าวต่างประเทศ ต่างก็รายงานว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มทวีความตึงเครียดขึ้นในเดือน ก.ค.หลังจากกัมพูชานำเอาปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกแต่เพียงฝ่ายเดียว
<CENTER><FONT color=#3366FF> ภาพถ่ายวันที่ 7 ต.ค.สำนักข่าวรอยเตอร์ ทหารไทยยังคงตั้งมั่นที่ชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร หลังจากทหารไทยสองนายเหยียบกับระเบิด แม่ทัพภาค 2 ของไทยกล่าวเมื่อวันอังคารว่า ทหารไทยถูกส่งเข้าพื้นที่ชายแดนเพื่อตรวจกับระเบิดว่าถูกลักลอบนำเข้าไปวางใหม่หรือเป็นของเก่าตั้งแต่ครั้งสงครามกลางเมืองในกัมพูชา   </FONT> </CENTER>
ปราสาทเก่าแก่อายุประมาณ 900 ปี ตกเป็นของกัมพูชาโดยการตัดสินของศาลระห่างประเทศในปี 2505 แต่พื้นที่ราว 4.5 ตารางกิโลเมตรโดยรอบ ได้กลายเป็นชนวนแห่งความขัดแย้ง อาณาบริเวณทั้งหมดนี้อยู่ในเขตสันปันน้ำของไทย อันเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติ ที่กฎหมายระหว่างประเทศให้การรับรอง

แต่กัมพูชาระบุว่า พื้นที่บนสันเขาหลังสันปันน้ำเกือบทั้งหมดถูกผนวกเอาไว้ในแผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นเมื่อกว่า 100 ปีก่อน และเป็นดินแดนของกัมพูชา

**“เส้นตาย” เป็นเพียงมุกฝืดๆ**

รมว.ต่างประเทศของไทย ไปเยือนกัมพูชาในวันจันทร์ (13 ต.ค.) ที่ผ่านมา ได้พบหารือข้อราชการกับ นายฮอร์นัมฮอง และเข้าเยี่ยมคำนับสมเด็จฯ ฮุนเซน ซึ่งผู้นำกัมพูชาได้ยื่น “คำขาด” ให้ไทยต้อง “ถอนทหาร” ออกจากดินแดนกัมพูชา “ในวันนี้พรุ่งนี้”

ต่อมาได้มีการเปิดเผยว่า “เส้นตาย” ที่ผู้นำกัมพูชากำหนดนั้น คือ เวลาเที่ยงวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความสับสนไปทั่ว

ที่ผ่านมา ผู้ที่ออกให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสิ่งที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้างว่า ฝ่ายไทยได้ถอนทหารนั้น มีเพียงนายทหารไม่กี่คน โดยที่โฆษกคณะรัฐมนตรีอย่างนายฟายสีฟาน (Phay Si Phan) หรือ รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว คือ นายเขียวกัญฤทธ์ ที่เคยมีบทบาทอย่างสูงในการแถลงข่าวมาตลอด คราวนี้ไม่มีไม่มีส่วนร่วมใดๆ

ข่าวของสำนักข่าวต่างๆ และข่าวที่ตีพิมพ์ผ่านเว็บไซต์หลายแห่งในวันพุธ (15 ต.ค.) นี้ พาดหัวข่าวเป็นทำนองว่า “กัมพูชาประกาศไทยถอนทหาร แต่ฝ่ายไทยปฏิเสธ”
กำลังโหลดความคิดเห็น