xs
xsm
sm
md
lg

“ฮุนเซน” ออกทีวีด่าอีกรอบ..ไทยยอมถอนทหาร!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#ff0000>  สมเด็จฯ ฮุนเซน ต้อนรับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ต่างประเทศของไทยที่เข้าเยี่ยมคำนับและหารือข้อราชการที่กระทรวงการต่างประเทศในกรุงพนมเปญเมื่อวันจันทร์ ซึ่างผู้นำกัมพูชาได้ยื่นคำขาดให้ไทยต้องถอนทหารภายในเวลาเที่ยงวันอังคารนี้ (ภาพ: Reuters)  </FONT></CENTER>
ผู้จัดการออนไลน์ -- เจ้าหน้าที่กัมพูชา กล่าวว่า ฝ่ายไทยได้ยอมถอนทหารออกจากบริเวณ “ลานอินทรี” (Eagle Entry) แล้วเมื่อเวลาประมาณ 10.20 น.ก่อนจะถึง “เส้นตาย” เที่ยงวัน ที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ยื่นแก่ฝ่ายไทยเมื่อวันจันทร์ โดยสำทับว่า หากไม่ถอนทหารก็จะเกิดการปะทะด้วยอาวุธอย่างแน่นอน และที่นั่นจะเป็น “พื้นที่แห่งความตาย”

สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน ได้ออกประกาศทางโทรทัศน์กัมพูชาในเช้าวันอังคารนี้ กล่าวถึง “การรุกราน” ของไทยอย่างโกรธแค้น และ ตอกย้ำเรื่อง “เส้นตาย” ที่ยื่นต่อฝ่ายไทยอีกครั้งหนึ่ง

หนังสือพิมพ์กัมโบดจ์ซวาร์ (Cambodge Soir Hebdo) ภาษาฝรั่งเศส รายงานเรื่องนี้บนเว็บไซต์เมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงวันอังคาร (14 ต.ค.) นี้ อ้างการเปิดเผยของ พลจัตวายืมปืม (Yeum Peum) นายทหารคนหนึ่งในพื้นที่ด้านชายแดนเขาพระวิหาร

“ลานอินทรี” เป็นชื่อที่ฝ่ายกัมพูชาใช้เรียก บริเวณลานกว้างที่อยู่ระหว่างสันเขาด้านตะวันออกกับปราสาทพระวิหาร เคยเป็นที่ตั้งมั่นของฝ่ายเขมรแดง ที่นำโดย นายพลตาม๊อก (Ta Mok) ในช่วงปีที่ยังทำสงครามกองโจรต่อสู้กับรัฐบาลของนายฮุนเซน ที่เวียดนามหนุนหลังในอดีต

ถนนที่ตัดเลียบไปตามไหล่เขาทางด้านตะวันตก และถูกใช้เป็นเส้นทางเดินไปยังปราสาทพระวิหารในปัจจุบันนี้ก็ยังถูกเรียกว่า “ถนนตาม๊อก” และอาณาบริเวณอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ถัดไปก็ยังเรียกว่า “ลานตาม๊อก” จนถึงทุกวันนี้

ผู้นำกัมพูชา กล่าวว่า ทหารไทยกว่า 84 นาย ได้เข้าไปตั้งมั่นที่นั่น ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว ประจันหน้ากับฝ่ายกัมพูชาที่ตั้งอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ประมาณ 30 เมตร

“เราถือว่าลานอินทรีเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นจุดแห่งความเป็นความตายของพวกเรา” นายทหารคนเดียวกันกล่าวกับกัมโบดจ์ซวาร์ ทั้งสำทับว่าการเสียที่มั่นแห่งนั้นไป จะเป็นการสูญเสียการควบคุมปราสาทพระวิหาร
<CENTER><FONT color=#ff0000> ภาพถ่ายวันที่ 7 ต.ค. 2551 ทหารกัมพูชาพร้อมเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจีบี-41 (เบ41) เดินผ่านทหารไทยที่นั่งอยู่หน้าเต็นท์ที่พักในเขตแดนพิพาทด้านปราสาทพระวิหาร ทหารไทยกับทหารกัมพูชาตั้งมั่นอยู่ใกล้กันมากในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งกัมพูชากล่าวว่าฝ่ายไทยได้ถอนออกไปแล้วในเช้าวันอังคาร (14 ต.ค.) นี้ หลังผู้นำกัมพูชายื่นคำขาด (ภาพ: AFP)  </FONT></CENTER>
“เราจะต้องรักษาลานอินทรีเอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร” นายทหารเขมรคนเดิม กล่าว

ส่วน สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้ออกโทรทัศน์แถลงเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งในภาคเช้าวันอังคารนี้ สำทับอย่างโกรธแค้นให้ฝ่ายไทยต้องถอนทหารตามเงื่อนเวลาที่ยื่นต่อรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยเมื่อวันจันทร์

“โฆษกของรัฐบาลในกรุงเทพฯ คนหนึ่ง กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของพวกเขา...” นายกรัฐมนตรีกัมพูชาพูดผ่านหน้าจออย่างโกรธแค้น

“มันเป็นไปได้อย่างไร พวกเขาเพิ่งจะเข้าไปที่นั่นเมื่อวานนี้” ผู้นำกัมพูชากล่าวต่อ

“ถ้าหากพวกเขาคิดว่ากัมพูชาจะมองข้ามได้ ก็ให้พวกเขาพูดไป!” สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าว

“อย่างไรก็ตาม มดสามารถสร้างความรำคาญให้แก่ช้างที่กำลังหลับได้เหมือนกัน พวกเขาอาจจะเหยียบหัวแม่เท้าของผมได้ แต่จะเหยียบหัวผมไม่ได้” นายกฯ กัมพูชากล่าวทางโทรทัศน์ ในกิริยาที่เกรี้ยวกราด

นายสมพงษ์ ได้พบเจรจรากับ นายฮอร์ นัมฮอง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาเรื่องปัญหาชายแดน โดยไม่สามารถตจกลงอะไรกันได้ และในเวลาต่อมาได้เข้าเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก่อนจะเดินทางกลับ พร้อมกับคำขาดให้ถอนทหาร
กำลังโหลดความคิดเห็น