ผู้จัดการออนไลน์-- ในเวียดนามชื่อเสียงของเจืองถิเมย (Truong Thi May) นางแบบสาวชาวเขมรกำลังขจรไกลและฮอตสุดฮอต
นัยน์ตาของเธอดำขลับ ผิวเข้ม เรือนผมเป็นมันวาววับสะท้อนกับแสงจากสปอตไลท์ ขณะที่เธอพาร่างสูง 172 ซม.เคลื่อนไปตาม "รันเวย์" บนแค็ทวอล์คอย่างคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นที่นครโฮจิมินห์หรือกรุงฮานอยเมืองหลวง
หากไม่ใช่แฟนคลับก็จะไม่รู้ว่า นางแบบสาวที่ซ่อนความอวบอั๋นมิดชิดคนนี้เป็นสาวมังสวิรัติ ที่เคร่งครัดในพระธรรมคำสอนแห่งพุทธศาสนา และนี่คือสาวพันธุ์แท้จากกัมปูเจีย..
เมยโด่งดังบนปกนิตยสารแนวสตรีและแนวแฟชั่นนับครั้งไม่ถ้วนในช่วงปีสองปีมานี้
นับตั้งแต่ได้เป็นรองอันดับหนึ่งการประกวดสาวงามขวัญใจตากล้องของนิตยสาร "โลกสตรี" หรือ ซโยยฝุหนือ (Gioi Phu Nu) เมื่อปี 2549
ชื่อเสียงของเธอขจรไกลยิ่งขึ้นเมื่อได้เป็นรองอันดับสองการประกวด "สาวงามชนเผ่า" (Miss Ethnic Vietnam) ปีที่แล้ว
สูงโย่ง สีเข้มและลีลาท่าทางที่เป็นตัวเองบนแค็ทวอร์ค ทำให้เมยเป็นนางแบบสุดฮอตแห่งปี เธอฮอตยิ่งขึ้นเมื่อสาธารณชนเริ่มรู้ถึงภูมิหลังว่า เธอเป็นสาวลูกครึ่งเวียดนาม-เขมร
เจืองถิเมยเกิดปี 2531 ในกรุงพนมเปญ คุณพ่อชาวเวียดนามของเธอแต่งกับคุณแม่ที่นั่น ก่อนทั้งครอบครัวจะอพยพไปปักหลักที่ จ.อานซยาง (An Giang) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง ถิ่นที่มีชาวเวียดนามเชื้อสายเขมรอาศัยอยู่เรือนล้าน
แต่ชีวิตในเยาว์วัยของเมยเหมือนกับเรื่องราวในนิยายน้ำเน่า
คุณพ่อเสียชีวิตตั้งแต่ 7 ขวบ คุณแม่ปากกัดตีนถีบเลี้ยงลูกๆ 5 คน ซึ่งเธอเป็นคนโต โชคดีมีญาติข้างฝ่ายคุณแม่ที่เป็นพระอาวุโสคอยประคับประคองครอบครัวนี้มา ทุกคนจึงเติบโตขึ้นมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมของผู้คนที่เคร่งครัดในพระพุธศาสนา
จึงไม่แปลกที่เมยไม่รับประทานเนื้อสัตว์ชนิดใดมาตั้งแต่ 13 ขวบ
น้องชายของเมยคนหนึ่งบวชเณรมาตั้งแต่ยังเล็กและยังคงครองผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนามาจนบัดนี้ เช่นเดียวกับน้องสาวอีกคนหนึ่ง และญาติๆ อีกหลายคนที่บวชชี
"หากชะตาลิขิตมา หนูก็อาจจะได้บวชบ้างก็ได้" เมยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ตีพิมพ์เรื่องราวของเธอและสอบถามเกี่ยวกับอนาคต
อย่างไรก็ตามการเป็นลูกสาวคนโตทำให้เมยมีภาระต้องช่วยคุณแม่ประคับประคองครอบครัว เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการเลี้ยงดูและอบรมน้องๆ
เมยมีแววนางงามมาตั้งแต่ยังเล็ก คุณครูหลายคนได้พยายามส่งเสริมให้เธอขึ้นเวทีประกวดมาตั้งแต่ยังเรียนชั้นประถม และ ได้รับรางวัลต่างๆ เรื่อยมา พอเรียนจบชั้นมัธยมก็ได้กลายเป็นนางแบบอาชีพเต็มตัว
"งานนางแบบทำให้หนูช่วยคุณแม่กับน้องๆ ได้" เมยกล่าว
แต่ไม่ว่าจะไปที่ใด เมยจะต้องเดินทางกลับบ้านทันทีเมื่องานเสร็จ และก็มีอยู่หลายครั้งที่เมยต้องปฏิเสธงานเพราะจะทำให้เธอห่างจากครอบครัวมากเกินไป กลายเป็นความสมดุลอย่างหนึ่งคือ จะต้องให้ความสำคัญต่อครอบครัวกับงานเท่าๆ กัน
อย่างไรก็ตามความผูกกับครอบครัวที่มีภูมิหลังเคร่งครัดศาสนานี้กำลังเป็นปัญหากับอนาคตของเมยไม่น้อย ในเมื่อเธอกำลังจะกลายเป็นนักแสดงและนักร้องอีกคนหนึ่ง
เมยได้รับข้อเสนอจากเฟืองเดียน (Phuong Dien) ผู้กำกับชื่อดัง เพื่อแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง "เอิมติ๋ง" (Am Tinh) หรือ "ภาพลบ" อันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตตกอับของอดีตมิสเวียดนามคนหนึ่ง ที่กลายเป็นคนติดยา เป็นหญิงโสเภณีและเป็นผู้ป่วยด้วยเอชไอวีเอดส์ในที่สุด
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่คาดหวังมากของวงการ หลังจากถูกนำไปสร้างเป็นหนังแนวสารคดีสั้น ซึ่งมายเฟืองถวี (Mai Phuong Thuy) มิสเวียดนาม 2549 รับบทเป็นนางฟ้าตกสวรรค์รุ่นพี่เพื่อนำไปใช้ในการรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์
แต่เมยต้องปฏิเสธโอกาสอันสำคัญนี้ เนื่องจากคุณแม่และญาติๆ เห็นว่าบทในภาพยนตร์อาจจะไม่เหมาะกับความเคร่งศาสนาของครอบครัว
ทุกวันนี้สาวสวยเข้มเจื่องถิเมยยังคงตื่นนอนเวลา 4 นาฬิกา เข้าร่วมกับญาติๆ สวดมนต์กราบพระให้ครบ 108 ตลบ ทุกคนเป็นมังสะวิรัติและเคร่งครัดในพระพุทธศาสนามาหลายชั่วอายุ
ข้อห้ามประการหนึ่งของครอบครัวก็คือ เมยจะต้องไม่เดินทางไกลในช่วงวันสำคัญทางศาสนาที่ทุกคนจะต้องไปทำบุญที่วัด
"พระพุทธศาสนาสอนให้หนูรู้ว่าจะเป็นคนดีได้อย่างไร ศาสนายังสอนเกี่ยวกับชีวิตกับมนุษยธรรมอีกด้วย" เมยกล่าว
"พุทธศาสนายังสอนอีกว่าชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก ควรจะใช้เวลาส่วนใหญ่กระทำแต่ความดีงาม" ..ศาสนายังสอนให้รูจักอดทนและรู้จักให้อภัย นางแบบสาวที่ฮอตที่สุดในเวียดนามเวลานี้กล่าว
ตอนที่เข้าประกวดสาวงามชนชาติใน จ.เลิมด่ง (Lam Dong) ปลายปีที่แล้ว ซึ่งเมยได้เป็นรองอันดับ 1 ได้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวเมื่อพี่เลี้ยงของผู้เข้าประกวดจำนวนหนึ่งรวมตัวกันประท้วง
เมยถูกกล่าวหาว่า เป็นนางแบบอาชีพและสวมรอยเข้าประกวดงานนี้โดยไม่ได้เป็นตัวแทนของชนชาติใด แต่ในที่สุดเธอก็สามารถนำสูติบัตรไปยืนยันได้ ในนั้นเขียนเอาไว้เจนว่าเธอเป็นชาวเวียดนามเชื้อชาติเขมร
"หนูไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเป็นอุปสรรคสำหรับอนาคต เพราะพระพุทธศาสนาสอนไว้ว่า จะไม่มีความชั่วร้ายใดๆ เกิดขึ้นกับเราหากเราไม่ได้กระทำความชั่ว" นางแบบสาวกล่าว
"หนูเป็นเขมรทั้งหัวใจและกิริยาท่าทางซึ่งหนูภาคภูมิใจมาก" เมยกล่าว
ในประเทศกัมพูชาดินแดนมาตุภูมิ.. ข่าวคราวเกี่ยวกับความโด่งดังของเจืองถิเมยที่แพร่กระจายออกไป กำลังทำให้ชาวเขมรจำนวนไม่น้อยรู้สึกปลาบปลื้มในตัวเธอไม่แพ้กัน..