ผู้จัดการออนไลน์ -- ทางการกัมพูชาเชิญเจ้าหน้าที่สถานทูต 4 ประเทศ ไปดูสถานการณ์ที่ปราสาทพระวิหาร เมื่อวันเสาร์ (19 ก.ค.) นี้ ซึ่งล้วนเป็นมิตรประเทศใกล้ชิดที่สุด มีผลประโยชน์มากที่สุดในกัมพูชา นอกจากนั้น 3 ประเทศยังเป็นสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อีก 1 ประเทศ เป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงฯ ในปีนี้
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดซึ่งเป็นทูตทหาร หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลาโหมจากสถานทูตสหรัฐฯ จีน ฝรั่งเศสและเวียดนาม เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากกรุงพนมเปญ ถึงปราสาทพระวิหารในตอนสาย และใช้เวลานานนับชั่วโมงในการเยี่ยมชมบริเวณปราสาท รวมทั้งเขตวัดที่ทหารไทยกับทหารกัมพูชาอยู่ที่นั่น
เจ้าหน้าที่สถานทูตของทั้ง 4 ชาติ ได้รับฟังบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชา รวมทั้งแผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นเมื่อกว่า 100 ปีมาแล้ว โดยมิได้ยึดแนวสันปันน้ำเป็นเส้นเขตแดนตามหลักสากล
สหรัฐฯ จีน และ ฝรั่งเศส เป็นประเทศสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council) ขณะที่เวียดนามซึ่งเป็นสมาชิกประเภทหมุนเวียนของกำลังทำหน้าที่เป็นประเทศประธานของ UNSC ซึ่งเริ่มในเดือนนี้
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำองค์การสหประชาชาติได้ร้องขอให้องค์การระหว่างประเทศแห่งนี้ เข้าแทรกแซงความขัดแย้งกับประเทศไทยเกี่ยวกับพรมแดนด้านเขาพระวิหาร
ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ มีขึ้นในขณะที่สื่อในกัมพูชา รายงานว่า ทหารกัมพูชาราว 1,200 คน กำลังเผชิญหน้ากับทหารไทยราว 500 คน ที่มีอาวุธหนักสนับสนุน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานตรงกันว่า วันนี้เป็นแรกที่ได้เห็นฝ่ายไทยติดตั้งปืนกลหนักในบริเวณใกล้ๆ กับเขตแดนพิพาท ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ในวันเสาร์นี้รถบรรทุกได้นำทหารเสริมกำลังทหารไทยเข้าไปในอาณาบริเวณดังกล่าวอีกจำนวนหนึ่ง และยังเห็นรถอีกคันหนึ่งลากปืนใหญ่ไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารของทั้งสองฝ่าย ได้พยายามอย่างอดทนที่จะไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าด้วยอาวุธ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงกัมพูชาและไทย นัดพบหารือกันในวันจันทร์ นี้ที่ จ.สระแก้ว เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาพิพาทเขตแดนโดยสันติวิธี
ตามรายงานของเอฟเอพี ทหารกัมพูชาที่ประจำในเขตเขาพระวิหารถูกสั่งห้ามมิให้ดื่มสุราทุกชนิด เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการกระทบกระทั่งกับฝ่ายไทย
ทั้ง 4 ประเทศที่ได้รับเชิญไปตรวจสถานการณ์ในพื้นที่จริงเมื่อวันเสาร์นี้ ล้วนมีผลประโยชน์ในกัมพูชา
ในช่วงปีสองปีมานี้ ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-กัมพูชา ได้รับการพัฒนารวดเร็วมาก สหรัฐฯ ได้งดการแซงชันทางทหาร และเริ่มให้ความช่วยเหลือด้านการป้องกันประเทศแก่กัมพูชาเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2540 เมื่อ นายฮุนเซน ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ขณะนั้น ทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลกรมพระนโรดมรณฤทธิ์
เรือรบจากกองเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ไปแวะจอดที่เมืองสีหนุวิลล์ ในอ่าวไทยของกัมพูชาถึง 2 ครั้ง ต้นปีและปลายปีที่แล้ว กองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯ ยังคงเข้าไปทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในกัมพูชาเป็นระยะๆ
บริษัท เชฟรอนคอร์ป (Chevron Corp) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อันดับ 3 จากสหรัฐฯ กำลังสำรวจขุดเจาะก๊าซและน้ำมันในแปลงสัมปทานอ่าวไทยของกัมพูชา เดือน ก.พ.2548 เชฟรอนได้ประกาศการค้นพบน้ำมันดิบในบ่อเจาะทดสอบ 4 บ่อ จากทั้งหมด 6 บ่อ และกำลังเจาะทดสอบเพิ่มเติม
ปัจจุบันมีบริษัทน้ำมันจำนวน 13 บริษัท กำลังสำรวจหาน้ำมันดิบและก๊าซทั้งในแหล่งทางทะเลและแหล่งบนบกในกัมพูชา
เมื่อเดือนที่แล้ว สื่อในกัมพูชารายงานว่า บริษัท น้ำมันโตตาลออยล์ (TOTAL Oil) หรือ “โททัลออยล์” ของฝรั่งเศส กับ CNOOC (China National Offshore Oil Corporation) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่อันดับ 3 ของรัฐบาลจีนกำลังจะเซ็นสัญญาสำรวจขุดเจาะในประเทศนี้เป็นครั้งแรก
กลุ่มบริษัท Societe Concessionaire de l'Aeroport จากฝรั่งเศส เป็นผู้ได้รับสัมปทานการบริหารจัดการท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่งในกัมพูชาเป็นเวลา 30 ปี
ฝรั่งเศสซึ่งเคยปกครองดินแดนกัมพูชาในยุคอาณานิคมกำลังเข้าไปมีผลประโยชน์ในประเทศนี้มากขึ้นทุกที เช่นเดียวกันกับจีนและสหรัฐฯ
นอกจากกำลังจะเข้าลงทุนสำรวจน้ำมันและก๊าซแล้ว จีนกำลังสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ จำนวน 2 แห่งในเขต จ.เกาะกง ของกัมพูชา นักลงทุนจีนกำลังก่อสร้างเขตอุตสาหกรรมขึ้นทั้งใน จ.เกาะกง สีหนุวิลล์ และกรุงพนมเปญ คิดเป็นมูลค่าโครงการหลายพันล้านดอลลาร์
เมื่อปีที่แล้วจีนได้มอบเรือลาดตระเวนชายฝั่งให้แก่กัมพูชาอีกจำนวนหนึ่ง ตามพันธสัญญาที่จะช่วยจัดหาเรือประเภทนี้จำนวน 19 ลำ ให้แก่กองทัพเรือกัมพูชา เพื่อดูแลความมั่นคงปลอดภัยน่านน้ำอ่าวไทย
สำหรับเวียดนามปลายปี 2521 ได้ส่งทหารนับแสนคนข้ามพรมแดนเข้าขับไล่รัฐบาลกัมพูชาประชาธิปไตย (เขมรแดง) และยึดกรุงพนมเปญได้สำเร็จในเดือน ม.ค.2522 จากนั้นได้จัดตั้งรัฐบาลเฮงสัมริน-เจียซิม-ฮุนเซน ขึ้นมา ผู้นำเหล่านี้ยังคงกุมอำนาจสูงสุดในกัมพูชาตลอดเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันเวียดนามมีผลประโยชน์ในกัมพูชามหาศาล ทั้งด้านพลังงานและการปลูกพืชเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งสวนยางพาราที่เวียดนามได้สัมปทานที่ดินในประเทศนี้นับล้านๆ ไร่
บริษัทปิโตรเวียดนาม ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทน้ำมันของรัฐบาล ก็กำลังแสวงหาโอกาสที่จะเข้าสำรวจขุดเจาะในแปลงสัมปทานของกัมพูชาเช่นเดียวกัน
เวียดนามเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีอุตสาหกรรมต่อเรือก้าวหน้า เมื่อปี 2549 ได้มอบเรือลาดตระเวนน่านน้ำแก่กัมพูชาจำนวน 2 ลำ