กรุงเทพฯ-- เรือรบสหรัฐฯ ทั้ง 4 ลำที่บรรทุกสิ่งของบรรเทาภัยพิบัติต่างๆ และจอดลอยลำอยู่ในทะเลหลวงไม่ไกลจากเขตน่านน้ำของพม่า จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมหลังจากที่คณะรัฐบาลทหารพม่าปฏิเสธไม่ให้กองเรือรบดังกล่าวเข้าประเทศ เพื่อนำความช่วยเหลือไปให้แก่ผู้ประสบภัยในเขตปากแม่น้ำอิรวดี
ทางการสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธ (4 มิ.ย.) เรือรบเอ็สเส็ก (Essex) และเรือรบอื่นๆ อีก 3 ลำ อันได้แก่เรือจู่โจมยกพลขึ้นบกฮาร์เปอร์ส เฟอร์รี (Harpers Ferry) เรือพิฆาตมัสติน (Mustin) และเรือฟรีเกทส์จูโน (Juneau) ได้จอดอยู่นอกอาณาเขตน่านน้ำของพม่าตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. โดยไม่ได้ปฏิบัติภารกิจใดๆ ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุพายุพัดถล่มในพม่า
"เราได้พยายามโน้มน้าวคณะรัฐบาลทหารของพม่าถึง 15 ครั้งด้วยกันในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ให้ยอมรับความช่วยเหลือซึ่งรวมถึงเรือ เฮลิคอปเตอร์ เรือยกพลขึ้นบก เพื่อช่วยในการลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่างๆ ไปให้แก่ผู้ประสบภัยในพม่า" พลเรือเอก ทิโมธี คีติง (Timothy Keating) ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ กล่าวในคำแถลงที่ออกโดยสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงย่างกุ้ง
"แต่พวกเขาก็ปฏิเสธทุกครั้งไป มันถึงเวลาที่กองเรือรบเอ็สเส็กจะต้องไปปฏิบัติภารกิจต่อไป"
พลเรือเอกคีติง กล่าวต่อว่า เครื่องบินจำนวนหลายลำที่มีความสามารถในการลำเลียงสิ่งของขนาดหนักจะจอดรอในประเทศไทย ในกรณีที่องค์กรความช่วยเหลือต่างๆ อาจจะต้องการความช่วยเหลือดังกล่าว
กองเรือรบสหรัฐฯ ได้บรรทุกสิ่งของที่จำเป็นซึ่งรวมถึง กระป๋องบรรจุน้ำ 15,000 ใบ ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์จำนวน 14 ลำ และนาวิกโยธินอีก 1,000 นาย
เรือรบทั้ง 4 ลำนี้จะเดินทางกลับในวันพฤหัสบดีนี้ (5 มิ.ย.) แต่พลเรือเอกคีติงกล่าวว่า พวกเขาอาจจะกลับมาอีกหากรัฐบาลทหารพม่าเปลี่ยนใจ
"ผมรู้สึกเสียใจและผิดหวังที่รู้ว่าเราอยู่ในสถานะที่จะสามารถเข้าไปช่วยบรรเทาทุกข์ของผู้ประสบเคราะห์กว่า 100,000 คนได้ แต่ก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลทหารพม่า" พลเรือเอกคีติง กล่าว
ก่อนหน้านี้รัฐบาลพม่าได้เข้มงวดในการอนุญาตให้ความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าประเทศ หลังจากเกิดเหตุพายุพัดถล่มจนทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายกว่า 133,000 ราย และประชาชนอีกกว่า 2.4 ล้านคนกำลังต้องการอาหาร ที่พักและยารักษาโรคอย่างเร่งด่วน
หลังจากที่ได้มีการหารือระหว่างเลขาธิการองค์การสหประชาชาติและผู้นำทหารพม่าเมื่อวันที่ 23 พ.ค. รัฐบาลทหารได้ตกลงให้ทีมช่วยเหลือเดินทางเข้าไปยังบริเวณที่ราบปากแม่น้ำได้ ซึ่งที่นั่นเป็นเขตภัยพิบัติที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด แต่กระบวนการดังกล่าวก็เป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากขาดยานพาหนะในการลำเลียงรวมทั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ
สัปดาห์ที่แล้ว เรือรบมิสตรัล (Mistral) ของฝรั่งเศสก็ได้ถ่ายสิ่งของที่นำมาช่วยเหลือเหยื่อพายุให้กับหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติที่ จ.ภูเก็ตหลังจากที่ถูกปฏิเสธจากรัฐบาลทหารพม่าไม่ให้เข้าประเทศเช่นเดียวกัน
ในเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อเดือนที่แล้วอังกฤษได้ส่งเรือรบเว็สต์มินสเตอร์ (HM Westminster) เข้าสู่เขตน่านน้ำใกล้พม่าพร้อมสิ่งของช่วยเหลือ แต่ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ อีกในขณะนี้.